มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) สรุปมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวมไตรมาส 1 ปี 2563 ลดลง 15.3% เป็นเงินไหลออกจากกองทุนรวมตราสารหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450,000 ล้านบาท
บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) สรุปภาพรวมกองทุนรวมไตรมาส 1 ปี 2563 ระบุว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ที่ 4.6 ล้านล้านบาท ลดลง 15.3% จากสิ้นปี 2562 มีเงินไหลออกสุทธิ 390,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินไหลออกจากกองทุนรวมตราสารหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450,000 ล้านบาท กลุ่มตราสารทุนมีเงินไหลออกสุทธิ 24,000 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มกองทุนผสม และกลุ่ม Commodities ก็มีเงินไหลออกสุทธิเช่นกัน ในขณะที่มีเพียงกลุ่มตราสารตลาดเงินที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 100,000 ล้านบาท
“กรณีเงินไหลออกสุทธิที่สูงของกองทุนรวมตราสารหนี้นั้นเกิดจากเงินไหลออกจากกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ที่มีขนาดใหญ่ เช่น กลุ่ม Short Term Bond และ Mid/Long Term Bond ที่มีการปิดกองทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งมีเงินไหลออกจากกลุ่ม Foreign Investment Bond Fix Term ที่เป็นไปตามเงื่อนไขปิดกองทุนเมื่อครบกําหนด โดยในไตรมาสแรกมีกองทุนกลุ่มนี้ปิดไปทั้งสิ้น 66 กองทุน ทําให้อาจมีเงินบางส่วนไหลเข้ากองทุนรวมตราสารตลาดเงิน ซึ่งเกิดจากการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ” รายงานจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช
ส่วนภาพรวมผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนรวมสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่ดีนัก มีเพียงกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก โดยมีกองทุนรวมทองคําให้ผลตอบแทนสูงสุด 9.2% และตํ่าสุดเป็นกองทุนนํ้ามันที่ติดลบมากถึง 52.1% ตามทิศทางราคานํ้ามันในตลาดโลก ขณะที่กองทุนหุ้นไทยได้รับผลกระทบที่ชัดเจนตามตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงโดยมีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 26 -29% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากตลาดหุ้นที่เคลื่อนตัวทิศทางขาลงในขณะที่มีเงินไหลออกสุทธิรวม 7,800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นระดับที่สูงมากนักเมื่อเทียบกับในอดีต ประกอบกับมีเงินไหลออกจากกองทุน LTF ที่ตํ่ากว่าในอดีต โดยเงินลงทุนที่ขายได้ในปีนี้เป็นเงินลงทุนในปี 2558 หรือก่อนหน้านั้น
ส่วนกองทุนเปิดใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีกองทุนเปิดใหม่ทั้งสิ้น 84 กองทุน โดยมีกองทุนตราสารหนี้เปิดใหม่รวม 48 กอง ตํ่ากว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 130 กองทุน ซึ่งเป็นผลจากจํานวนกองทุนกลุ่ม Foreign Investment Bond Fix Term ที่มีกองทุนเปิดใหม่ถึง 108 กองทุน ในขณะที่ปีนี้มีกองทุนเปิดใหม่จํานวน 36 กอง กองทุน TMB EASTSPRING Global Smart Bond (TMB-ES-GSBOND) เป็นกองทุนตราสารหนี้เปิดใหม่ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดรวม 6,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนในกลุ่ม Global Bond กองทุนตราสารทุนที่เปิดใหม่จํานวน 25 กอง โดยส่วนใหญ่เป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ เช่น Global Equity 6 กอง กลุ่ม China Equity 3 กอง และกลุ่ม Property Indirect - Global 3 กอง เป็นต้น ในขณะที่กองทุนตราสารทุนในประเทศกลุ่ม Equity Large-Cap มีกองทุนเปิดใหม่ 3 กองทุน Thanachart Eastspring Global Technology เป็นกองทุนตราสารทุนเปิดใหม่ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุด 5,300 ล้านบาท ประเภทกองทุนผสมมีกองทุนเปิดใหม่ 7 กองทุนโดยสวนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศ มีกองทุน SCB Smart Income Plus (Acc) มีเงินไหลเข้ารวม 11,000 ล้านบาท
มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) สรุปมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวมไตรมาส 1 ปี 2563 ลดลง 15.3% เป็นเงินไหลออกจากกองทุนรวมตราสารหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450,000 ล้านบาท
บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) สรุปภาพรวมกองทุนรวมไตรมาส 1 ปี 2563 ระบุว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ที่ 4.6 ล้านล้านบาท ลดลง 15.3% จากสิ้นปี 2562 มีเงินไหลออกสุทธิ 390,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินไหลออกจากกองทุนรวมตราสารหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450,000 ล้านบาท กลุ่มตราสารทุนมีเงินไหลออกสุทธิ 24,000 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มกองทุนผสม และกลุ่ม Commodities ก็มีเงินไหลออกสุทธิเช่นกัน ในขณะที่มีเพียงกลุ่มตราสารตลาดเงินที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 100,000 ล้านบาท
“กรณีเงินไหลออกสุทธิที่สูงของกองทุนรวมตราสารหนี้นั้นเกิดจากเงินไหลออกจากกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ที่มีขนาดใหญ่ เช่น กลุ่ม Short Term Bond และ Mid/Long Term Bond ที่มีการปิดกองทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งมีเงินไหลออกจากกลุ่ม Foreign Investment Bond Fix Term ที่เป็นไปตามเงื่อนไขปิดกองทุนเมื่อครบกําหนด โดยในไตรมาสแรกมีกองทุนกลุ่มนี้ปิดไปทั้งสิ้น 66 กองทุน ทําให้อาจมีเงินบางส่วนไหลเข้ากองทุนรวมตราสารตลาดเงิน ซึ่งเกิดจากการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ” รายงานจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช
ส่วนภาพรวมผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนรวมสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่ดีนัก มีเพียงกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก โดยมีกองทุนรวมทองคําให้ผลตอบแทนสูงสุด 9.2% และตํ่าสุดเป็นกองทุนนํ้ามันที่ติดลบมากถึง 52.1% ตามทิศทางราคานํ้ามันในตลาดโลก ขณะที่กองทุนหุ้นไทยได้รับผลกระทบที่ชัดเจนตามตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงโดยมีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 26 -29% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากตลาดหุ้นที่เคลื่อนตัวทิศทางขาลงในขณะที่มีเงินไหลออกสุทธิรวม 7,800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นระดับที่สูงมากนักเมื่อเทียบกับในอดีต ประกอบกับมีเงินไหลออกจากกองทุน LTF ที่ตํ่ากว่าในอดีต โดยเงินลงทุนที่ขายได้ในปีนี้เป็นเงินลงทุนในปี 2558 หรือก่อนหน้านั้น
ส่วนกองทุนเปิดใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีกองทุนเปิดใหม่ทั้งสิ้น 84 กองทุน โดยมีกองทุนตราสารหนี้เปิดใหม่รวม 48 กอง ตํ่ากว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 130 กองทุน ซึ่งเป็นผลจากจํานวนกองทุนกลุ่ม Foreign Investment Bond Fix Term ที่มีกองทุนเปิดใหม่ถึง 108 กองทุน ในขณะที่ปีนี้มีกองทุนเปิดใหม่จํานวน 36 กอง กองทุน TMB EASTSPRING Global Smart Bond (TMB-ES-GSBOND) เป็นกองทุนตราสารหนี้เปิดใหม่ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดรวม 6,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนในกลุ่ม Global Bond กองทุนตราสารทุนที่เปิดใหม่จํานวน 25 กอง โดยส่วนใหญ่เป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ เช่น Global Equity 6 กอง กลุ่ม China Equity 3 กอง และกลุ่ม Property Indirect - Global 3 กอง เป็นต้น ในขณะที่กองทุนตราสารทุนในประเทศกลุ่ม Equity Large-Cap มีกองทุนเปิดใหม่ 3 กองทุน Thanachart Eastspring Global Technology เป็นกองทุนตราสารทุนเปิดใหม่ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุด 5,300 ล้านบาท ประเภทกองทุนผสมมีกองทุนเปิดใหม่ 7 กองทุนโดยสวนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศ มีกองทุน SCB Smart Income Plus (Acc) มีเงินไหลเข้ารวม 11,000 ล้านบาท
มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) สรุปมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวมไตรมาส 1 ปี 2563 ลดลง 15.3% เป็นเงินไหลออกจากกองทุนรวมตราสารหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450,000 ล้านบาท
บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) สรุปภาพรวมกองทุนรวมไตรมาส 1 ปี 2563 ระบุว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ที่ 4.6 ล้านล้านบาท ลดลง 15.3% จากสิ้นปี 2562 มีเงินไหลออกสุทธิ 390,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินไหลออกจากกองทุนรวมตราสารหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 450,000 ล้านบาท กลุ่มตราสารทุนมีเงินไหลออกสุทธิ 24,000 ล้านบาท รวมถึงกลุ่มกองทุนผสม และกลุ่ม Commodities ก็มีเงินไหลออกสุทธิเช่นกัน ในขณะที่มีเพียงกลุ่มตราสารตลาดเงินที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 100,000 ล้านบาท
“กรณีเงินไหลออกสุทธิที่สูงของกองทุนรวมตราสารหนี้นั้นเกิดจากเงินไหลออกจากกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ที่มีขนาดใหญ่ เช่น กลุ่ม Short Term Bond และ Mid/Long Term Bond ที่มีการปิดกองทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งมีเงินไหลออกจากกลุ่ม Foreign Investment Bond Fix Term ที่เป็นไปตามเงื่อนไขปิดกองทุนเมื่อครบกําหนด โดยในไตรมาสแรกมีกองทุนกลุ่มนี้ปิดไปทั้งสิ้น 66 กองทุน ทําให้อาจมีเงินบางส่วนไหลเข้ากองทุนรวมตราสารตลาดเงิน ซึ่งเกิดจากการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ” รายงานจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช
ส่วนภาพรวมผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนรวมสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่ดีนัก มีเพียงกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก โดยมีกองทุนรวมทองคําให้ผลตอบแทนสูงสุด 9.2% และตํ่าสุดเป็นกองทุนนํ้ามันที่ติดลบมากถึง 52.1% ตามทิศทางราคานํ้ามันในตลาดโลก ขณะที่กองทุนหุ้นไทยได้รับผลกระทบที่ชัดเจนตามตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงโดยมีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 26 -29% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากตลาดหุ้นที่เคลื่อนตัวทิศทางขาลงในขณะที่มีเงินไหลออกสุทธิรวม 7,800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นระดับที่สูงมากนักเมื่อเทียบกับในอดีต ประกอบกับมีเงินไหลออกจากกองทุน LTF ที่ตํ่ากว่าในอดีต โดยเงินลงทุนที่ขายได้ในปีนี้เป็นเงินลงทุนในปี 2558 หรือก่อนหน้านั้น
ส่วนกองทุนเปิดใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีกองทุนเปิดใหม่ทั้งสิ้น 84 กองทุน โดยมีกองทุนตราสารหนี้เปิดใหม่รวม 48 กอง ตํ่ากว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 130 กองทุน ซึ่งเป็นผลจากจํานวนกองทุนกลุ่ม Foreign Investment Bond Fix Term ที่มีกองทุนเปิดใหม่ถึง 108 กองทุน ในขณะที่ปีนี้มีกองทุนเปิดใหม่จํานวน 36 กอง กองทุน TMB EASTSPRING Global Smart Bond (TMB-ES-GSBOND) เป็นกองทุนตราสารหนี้เปิดใหม่ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุดรวม 6,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนในกลุ่ม Global Bond กองทุนตราสารทุนที่เปิดใหม่จํานวน 25 กอง โดยส่วนใหญ่เป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ เช่น Global Equity 6 กอง กลุ่ม China Equity 3 กอง และกลุ่ม Property Indirect - Global 3 กอง เป็นต้น ในขณะที่กองทุนตราสารทุนในประเทศกลุ่ม Equity Large-Cap มีกองทุนเปิดใหม่ 3 กองทุน Thanachart Eastspring Global Technology เป็นกองทุนตราสารทุนเปิดใหม่ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงสุด 5,300 ล้านบาท ประเภทกองทุนผสมมีกองทุนเปิดใหม่ 7 กองทุนโดยสวนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศ มีกองทุน SCB Smart Income Plus (Acc) มีเงินไหลเข้ารวม 11,000 ล้านบาท
