นายสดาวุธ เตชะอุบล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีเปิดการเสนอขายครั้งแรกของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สมาร์ท ฟิกซ์ อินคัม พลัส หรือ SMART-PLUS ตั้งแต่วันนี้-29 ม.ค. 63 ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ (หน่วย CIS ) หลักทรัพย์อื่นหรือทรัพย์สินอื่นที่เสนอขายทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามความเหมาะสม และสภาวการณ์ในแต่ละขณะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยกองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ ตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารดังกล่าวรวมกันไม่เกินร้อยละ 40 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
บลจ.เอ็มเอฟซีมีมุมมองบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชีย ดัชนีหุ้นกู้เอเชียให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มในรูปของ Yield Spread สูงกว่าดัชนีหุ้นกู้สหรัฐฯ หรือยุโรปที่มีอันดับความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน ดัชนีหุ้นกู้เอเชียมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงสูงกว่าการกระจายลงทุนในตราสารหนี้เอเชียโดยมีอันดับความน่าเชื่อถือโดยเฉลี่ยในระดับ Investment Grade มี Yield Spread ที่น่าสนใจ และมีความสัมพันธ์กับตราสารหนี้ทั่วโลกค่อนข้างต่ำ น่าจะให้ผลตอบแทนสุทธิ (หลังหักภาษีดอกเบี้ย) ที่ดีในภาวะดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำ สำหรับตราสารหนี้ในประเทศ กองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ลงทุนได้ โดยให้น้ำหนักการลงทุนกับผู้ออกตราสารที่มีแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีและมีผลประกอบการของบริษัทที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากส่วนชดเชยความเสี่ยงในช่วงสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยไทยทรงตัวในระดับต่ำ และจำกัดความเสี่ยงด้านเครดิตในช่วงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
กองทุน SMART-PLUS เหมาะกับผู้ที่สามารถลงทุนได้ในระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป และต้องการผลตอบแทนมากกว่ากองทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ต่างประเทศ แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากนัก ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับกำไรจากมูลค่าหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้น เมื่อขายคืนหน่วยลงทุนในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อ ซึ่งมาจากผลตอบแทนที่กองทุนได้รับจากดอกเบี้ยของตราสารหนี้ และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของตราสารที่ลงทุน โดยเป็นผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำถึงปานกลางจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ และต้องการสภาพคล่องสูง มีนโยบายจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง