xs
xsm
sm
md
lg

ณ จุดจุดนี้ ลงทุนอะไรดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อรพรรณ บัวประชุม CFP®
กองทุนบัวหลวง

จังหวะนี้จะลงทุนอะไรก็ดูน่ากลัว น่ากังวลไปหมด แม้แต่ตลาดหุ้นไทย เมื่อไม่กี่วันก่อนแค่เปิดตลาดมาก็ถึงกับช็อกไป เพราะ SET Index ตัวแดงเถือก ติดลบไปเกือบ 100 จุด จะหันไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดน้ำมัน ก็ดูน่ากลัวอีก สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย จะไปลงทุนในทองคำก็ปรับตัวสูงปรี๊ดจนไม่กล้าเข้าไปลงทุนอีก เพราะกลัวจะอยู่บนดอยอันเดียวดาย

นั่นเป็นเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำเอานักลงทุนอย่างเราถึงกับหน้ามืดตาลาย เห็นแต่ตัวแดงระยิบระยับ เหมือนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวภายใต้ฝุ่น PM 2.5 แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เข้ามา แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังต้องกินต้องใช้ ดังนั้น การจัดการกับเงินที่มีอย่างจำกัดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

เงินว่าหายากแล้ว ผลตอบแทนยิ่งหายากกว่า หากอยาก Safe ต้นไม่หาย ดอกไม่ค่อยออก คงต้องฝากออมทรัพย์หรือลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นกันต่อไป หากอยาก Fixed แบบลงทุนยาว 6 เดือนในกองทุนตราสารหนี้ (Term Fund) ฉุกเฉิน อยากใช้เงินก็คงลำบากเพราะไม่สามารถขายคืนได้ ดังนั้น หากอยากได้ผลตอบแทนเพิ่มอีกนิด เสี่ยงเพิ่มอีกหน่อย ก็ต้องขยับเข้าไปหาตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว เพราะการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุในการลงทุนยาวยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงภาวะที่นับวันอัตราดอกเบี้ยยิ่งน้อยลงๆ

การเลือกลงทุนในตราสารหนี้ นอกจากอายุของตราสารหนี้แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อผลตอบแทน นั่นก็คือ อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ (Credit Rating) ยิ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือสูงๆ ในระดับ Investment Grade (กลุ่มระดับลงทุน) มี A เยอะๆ (AAA จนถึง BBB-) แสดงว่าเป็นบริษัทที่มั่นคงมาก ผลประกอบการดี ดังนั้น เขาก็จะจ่ายดอกเบี้ยให้น้อย แต่หากเป็นบริษัทที่ถูกจัดอยู่ในระดับ Non-Investment Grade (กลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุน ตั้งแต่ BB+ ลงมาจนถึง D) จำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ยให้สูงขึ้น เพราะต้องบวกเพิ่มค่าความเสี่ยงให้แก่ผู้ลงทุน

แต่ถ้าหากเป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated) ยิ่งมีความเสี่ยงที่สูงมาก หากจะออกหุ้นกู้มาให้เราลงทุนก็ต้องให้ดอกเบี้ยเยอะกว่า นี่จึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญและให้ความสนใจ เพราะจะทำให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกันความเสี่ยงก็สูงขึ้นไปด้วย

ดังนั้น หากมีกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงระยะยาว และมีการเลือกลงทุนในตราสารหนี้ในกลุ่มที่ต่ำกว่าระดับลงทุน ก็เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนขยับขึ้นมาได้ และจะเปิดโอกาสมากขึ้นไปอีกถ้ามีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ด้วย

ที่สำคัญ การเลือกลงทุนในกองทุนรวมใช้เงินลงทุนไม่มาก เพียงแค่ 500 บาทก็สามารถเป็นเจ้าหนี้บริษัทได้มากมาย มีความเสี่ยงไม่มากนัก มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนรวมตลาดเงิน และไม่ต้องรอขายคืนเหมือน Term fund จึงเป็นทางเลือกอีกทางสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก ทั้งเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นอีกสักนิด
กำลังโหลดความคิดเห็น