นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) "กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นไทยเพื่อการออม" หรือ BEQSSF ในระหว่างวันที่ 1-8 เมษายน 2563 โดยจะเป็นกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 เฉพาะวงเงินพิเศษ ไม่เกิน 200,000 บาท ได้
“หากมีความพร้อมด้านการเงิน และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนก้อนนี้ในช่วง 10 ปีนับจากนี้ อีกทั้งใจพร้อมและมองไกล โดยมองว่าโอกาสการลงทุนในหุ้นไทยช่วง 10 ปีต่อจากนี้เหมือนกับการปลูกต้นไม้ แล้วอดทนรอ เพื่อหวังที่จะเก็บเกี่ยวผลที่มีโอกาสงอกเงยในอนาคต ก็สามารถลงทุนในกองทุน BEQSSF ได้” กรรมการผู้จัดการกล่าว
นายวศินกล่าวว่า ในทุกช่วงของเศรษฐกิจ เวลาที่เราตัดสินใจลงทุนไปก็จะเกิดผลด้านใดด้านหนึ่ง หากลงทุนแล้วราคาปรับขึ้นไปมากกว่าช่วงที่ซื้อไว้ผู้ลงทุนก็มีความสุข แต่ถ้าเกิดในช่วงใดที่ราคาลงมาต่ำกว่าที่เคยซื้อไว้ ก็ย่อมรู้สึกผิดหวัง แต่ในทางกลับกัน หากไม่ลงทุนเลยแล้วราคาปรับขึ้นไปก็จะรู้สึกเสียดาย สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมนี้จะใช้เวลาถึง 10 ปี ดังนั้น ก็เชื่อว่ามีโอกาสที่จะสมหวังมากกว่าผิดหวัง เพราะในช่วงเวลา 10 ปีธุรกิจยังจะต้องเติบโต ในขณะที่เศรษฐกิจไทยเองก็ย่อมมีความมั่นคงและเจริญเติบโตได้ในอนาคต
สำหรับกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นไทยเพื่อการออม หรือ BEQSSF เป็นกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารทุนนอกเหนือจากที่กล่าวมา กองทุนดังกล่าวจะไม่ลงทุนในต่างประเทศ และไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล
ขณะเดียวกัน กองทุนนี้จะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขาย ส่วนค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน หากถือครองน้อยกว่า หรือเท่ากับ 1 ปี จะเรียกเก็บไม่เกิน 1.00% ขั้นต่ำ 50 บาท หากถือครองมากกว่า 1 ปี จะเรียกเก็บ 50 บาทต่อรายการ ทั้งนี้ สามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท โดยขณะนี้ยังไม่เปิดให้บริการหักบัญชีเงินฝากแบบถัวเฉลี่ย (DCA)
ทั้งนี้ การรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีพิเศษตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 จะต้องลงทุนใน BEQSSF ระหว่างวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2563 เท่านั้น โดยจำนวนเงินที่ผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนกองทุน BEQSSF ในช่วงเวลาที่กล่าวมานี้จะถูกนับแยกออกจากวงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการซื้อหน่วยลงทุนกองทุน SSF ปกติ และไม่ได้นำไปนับรวมกับวงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีกองทุนเพื่อวางแผนเกษียณ โดยกำหนดวงเงินลงทุนไว้ไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ ในระยะแรกยังไม่เปิดให้บริการสับเปลี่ยนหรือโอนหน่วยลงทุน และเมื่อเปิดให้บริการสับเปลี่ยนหรือโอนจะสับเปลี่ยนหรือโอนได้เฉพาะกองทุน SSF ที่มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) หรือเป็นไปตามประกาศในอนาคต