นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) สำหรับกองทุนรวมเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (SSF Extra) จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี เพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (KTESGS-SSFX) และ กองทุนเปิดกรุงไทย 70/30 เพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (KT70/30S-SSFX) ในระหว่างวันที่ 1-8 เมษายน 2563 นี้ กองทุนดังกล่าวเป็นความร่วมมือร่วมใจของ บลจ.ในตลาดทุน ที่จัดตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ในการเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวมากขึ้น โดยสิทธิลดหย่อนภาษีที่ได้เพิ่มขึ้นสูงสุด 200,000 บาทนี้ แยกจากวงเงิน SSF ปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินที่ลดหย่อนรวมในกองทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด
กองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี เพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (KTESGS-SSFX) เป็นกองทุนรวมตราสารทุน เน้นลงทุนในตราสารทุน โดยมี net exposure ในตราสารดังกล่าว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม โดยจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management Strategy) ลงทุนในตราสารแห่งทุนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และ/หรือตลาดรองอื่นๆ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นใดที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีผลตอบแทนรวม อีเอสจี ไทยพัฒน์ (Thaipat ESG Index (TR)) โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance) ในสัดส่วนที่เท่าหรือใกล้เคียงกับน้ำหนักที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีดังกล่าว ซึ่งรวมถึงหุ้นที่อยู่ระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีดังกล่าวด้วย เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีผลตอบแทนรวม อีเอสจี ไทยพัฒน์ (Thaipat ESG Index (TR)) ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทย 70/30 เพื่อการออม ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (KT70/30S-SSFX) เป็นกองทุนรวมผสม มีนโยบายกระจายการลงทุนในตราสารแห่งทุน และ/หรือ ตราสารแห่งหนี้ และ/หรือ ตราสารกึ่งหนี้ กึ่งทุน เงินฝาก และ/หรือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้ลงทุนได้ อย่างไรก็ดี กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะบริหารกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุก (Active Management Strategy)
ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล และไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อ นอกจากนี้ KTAM ยังมีโปรโมชันพิเศษเพื่อลูกค้า สำหรับยอดลงทุนสุทธิทุกๆ 50,000 บาท ในทุกช่องทางการชำระเงิน จะได้รับเงินคืน 100 บาท เข้ากองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (ชนิดสะสมมูลค่า) หรือ KTSTPLUS ซึ่งเป็นกองทุนประเภทกองทุนรวมตราสารหนี้ โดยกองทุน SSF Extra ทั้ง 2 กองทุนนี้ซื้อได้ 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2563 เท่านั้น หรือตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด
นางชวินดากล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ KTAM มีความเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade เพื่อรองรับการทำธุรกรรมลงทุนแบบออนไลน์ ตอบโจทย์ในชีวิตที่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยสูงสุดอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยการให้กองทุนดังกล่าวสามารถซื้อผ่านบัตรเครดิต KTC หรือผู้ลงทุนสามารถใช้คะแนน KTC Forever ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินลงทุน 100 บาท ได้เช่นกัน