xs
xsm
sm
md
lg

MFC เปิดกอง SSF หนุนออมยาว เชื่อหุ้นไทยน่าลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสดาวุธ เตชะอุบล รักษาการกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ราคาหุ้นในปัจจุบันปรับตัวลดลงจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเป็นอย่างมาก จึงถือได้ว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่สนใจในการลงทุนระยะยาว ซึ่งเห็นได้จากการประกาศซื้อหุ้นคืนผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยรัฐบาลได้มีมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางนโยบายการเงิน (Monetary Policy) และรัฐบาลได้ใช้นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) ในส่วนของงบลงทุน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อที่จะช่วยพยุงภาพรวมของเศรษฐกิจตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป โดยจะส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจไทยปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี และฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังได้ เอ็มเอฟซีจึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน พร้อมเปิดตัว 2 กองทุน SSF เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่สนใจออมเงินลงทุนในระยะยาว และยังสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษี ได้แก่

1. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี หุ้นไทย เพื่อการออม หรือ MFC Thai Equity Super Savings Fund (MTQS) เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ลงทุนในตราสารทุน และ/หรือหน่วยลงทุนโดยมี net exposure ในตราสาร โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุนนี้จะมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (MTQ-SSFX) และชนิดเพื่อการออม (MTQ-SSF)

2. กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไทยเฟล็กซิเบิล เพื่อการออม หรือ MFC Thai Flexible Super Savings Fund (MTFS) เป็นกองทุนรวมผสม ลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน หน่วย infra หน่วย property REITs กองทุนรวมอีทีเอฟ เงินฝาก และอื่นๆ กองทุนนี้จะมีให้เลือก 2 รูปแบบเช่นกัน ได้แก่ ชนิดเพื่อการออมพิเศษ (MTF-SSFX) และชนิดเพื่อการออม (MTF-SSF)

โดยทั้งสองกองทุน MTQS และ MTFS ลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาด SET และหรือตลาด MAI โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV และอาจลงทุนในกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการไม่เกิน 25% ของ NAV โดยจะไม่ลงทุนใน Derivatives และ Structured Note ทั้งนี้ มีนโยบายจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีต้องถือครองหน่วยลงทุนกองทุน SSF และ SSFX เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยนับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน สำหรับการลงทุนในกองทุน SSFX สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท (ไม่รวมกับวงเงินซื้อหน่วยลงทุนกองทุน SSF แบบปกติ) เริ่มซื้อหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2563 นี้ แตกต่างจากกองทุน SSF ที่สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ในปี 2563-2567 โดยกองทุน SSF สามารถหักลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท แต่เมื่อรวมกับวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอื่นๆ แล้วสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีภาษี

กองทุนเปิด SSF และ SSFX เหมาะสำหรับผู้สนใจลงทุนในระยะยาว มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เริ่มต้นวัยทำงานและประชาชนทั่วไปที่ต้องการเริ่มสะสมเงินเพื่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว และต้องการลดหย่อนภาษี โดยสามารถเลือกลงทุนในนโยบายการลงทุนต่างๆ ได้ตามระดับความเสี่ยงที่ตนยอมรับได้ ผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้เพียง 1,000 บาท โดยสามารถซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ

โปรโมชันพิเศษ สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุน SSF และ SSFX รวมไปถึงกองทุนในกลุ่ม RMF เฉพาะกองทุน M-VALUE, M-PROP RMF และ HI-DIV RMF ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. 63 โดยมียอดเงินลงทุนสะสมครบทุกๆ 50,000 บาท รับทันทีหน่วยลงทุน MM-GOV มูลค่า 100 บาท ตามเงื่อนไขที่บลจ.กำหนด
กำลังโหลดความคิดเห็น