หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าถูกถล่มขายอีกครั้ง เมื่อวันพุธที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นร่วงแรงยกแผง สร้างจุดต่ำสุดใหม่กันทุกบริษัท ทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้นไว้ เกิดความหวั่นไหว กลัวการปรับฐานใหญ่ระลอกใหม่
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ยอดนิยมประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซิเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM จำกัด
รอบ 2 ปีที่ผ่านมา หุ้นโรงไฟฟ้าทั้ง 3 บริษัท อยู่ในช่วงขาขึ้นมาตลอด โดย GULF สร้างจุดสูงสุดที่ 203 บาท GPSC ทะยานขึ้นสูงสุดที่ 98.25 บาท และ BGRIM จุดสูงสุดอยู่ที่ 69.25 บาท
แต่วิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้หุ้นโรงไฟฟ้ายอดนิยมทั้ง 3 บริษัทปักหัวลง และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ของรอบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดย GULF ลงมาปิดที่ 151.50 บาท GPSC ปิดที่ 57.25 บาท และ BGRIM ทรุดลงมายืนที่ 37.50 บาท
แม้ราคาจะปรับฐานลงมาระดับ 20-40% แต่ค่า พี/อี เรโช หุ้นโรงไฟฟ้าทั้ง 3 บริษัทยังสูงอยู่ โดย GULF มีค่า พี/อี เรโชที่ 73.56 เท่า GPSC ค่า พี/อี เรโช 43.40 เท่า และ BGRIM ค่าพี/อี เรโช 48.37 เท่า
การที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ากลายเป็นหุ้นยอดนิยมช่วงหลายปี เนื่องจากถูกคาดหมายว่า ผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง ความต้องการใช้ไฟฟ้าไม่มีขีดจำกัด และแต่ละบริษัทมีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง นักลงทุนจึงแห่เข้ามาเก็บหุ้น ทั้งเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้น และการถือลงทุนระยะยาว โดยพร้อมสู้ราคาแพงๆ เพราะมั่นใจแนวโน้มผลประกอบการ
แรงขายเทกระจาดหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระบุว่า ไม่น่าจะเกิดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยการลดค่าไฟลง 3% เป็นเวลา 3 เดือน เพราะหุ้นโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย และ ไม่มีนัยต่อผลกำไรปี 2563 และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยพื้นฐานหุ้นกลุ่มนี้ยังแข็ง จึงแนะนำให้ซื้ออยู่
แต่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน หรือในยามที่ไม่อาจประเมินทิศทางตลาดหุ้นได้ และวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคุกคามอยู่ นักลงทุนจะกล้าเสี่ยงช้อนหุ้นเก็บอีกหรือ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มใดก็ตาม
เพราะรอบนี้เก็บหุ้นกลุ่มไหน เลือกช้อนซื้อหุ้นตัวใด เจ็บตัวหมด เนื่องจากไม่มีหุ้นกลุ่มใดต้านทานขาลงรอบนี้ได้
หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่รูดหนัก เป็นไปได้หรือไม่ว่า เป็นหุ้นกลุ่มที่ยังปรับตัวลงมาน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มอื่น ทั้งที่ค่า พี/อี เรโชเฉลี่ยสูงกว่า นอกจากนั้น ราคาขึ้นมาตลอดในรอบ 2 ปี นักลงทุนที่ถือมานาน และมีต้นทุนต่ำจึงชิงขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดขาลง
การลดความเสี่ยงการลงทุน นักลงทุนมักทยอยขายหุ้นออก โดย หันมาถือเงินสดมากขึ้น และลดหุ้นในพอร์ตลง
พฤติกรรมของนักลงทุนโดยทั่วไปมักคล้ายๆ กัน โดยการลดหุ้นในพอร์ต จะเลือกขายหุ้นที่มีกำไรออก และถือหุ้นที่ขาดทุนไว้
หุ้นโรงไฟฟ้าเป็น 1 ในหุ้นเพียงไม่กี่กลุ่มที่นักลงทุนยังมีกำไรจากส่วนต่างราคา จึงตกอยู่ในเป้าหมายในการขาย และเมื่อ ราคาส่งสัญญาณการปรับฐาน นักลงทุนจึงแห่ขายทิ้งหุ้นโรงไฟฟ้ายกกลุ่ม
GULF GPSC และ BGRIM รอบนี้ลงมาลึกเหมือนกัน แต่ไม่อาจทำนายได้ว่า ราคาลงลึกสุดหรือยัง จะเข้าไปช้อนซื้อจึงต้องระวัง เพราะการปรับฐานอาจยังไม่จบ
