HTECH เดินหน้าขยายธุรกิจปี 63 รับโอกาสจากภาพรวมอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ฟื้น มีการย้ายฐานกำลังการผลิตมายังประเทศไทย ด้านธุรกิจยานยนต์มีการปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ จึงมองสถานการณ์ในประเทศจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2-3/63 อย่างไรก็ดี เพื่อขยายฐานลูกค้า เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน HTECH ประกาศลงทุนซื้อหุ้นบริษัทในอเมริกา Mastertech Diamond Products Company หรือ MDP โดยซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 80% ใช้งบลงทุนประมาณ 158.28 ล้านบาท หนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต หลังปี 62 มีรายได้รวม 965.81 ล้านบาท กำไร 64.54 ล้านบาท รับผลกระทบอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และยานยนต์ชะลอตัว พร้อมจ่ายเงินปันผล 0.04 บาท/หุ้น
นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ผู้ประกอบธุรกิจผลิต รับจ้างผลิต และจำหน่ายเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) รายใหญ่ในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 ตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงปี 2562 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่บริษัทจะมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้เติบโตขึ้น โฟกัสธุรกิจที่มีอัตรากำไรดี และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จากปี 2562 ได้รับผลกระทบสงครามการค้าสำหรับสหรัฐอเมริกาและจีน การลดของกำลังการผลิตของลูกค้ารายหลักกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) รวมถึง อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดจากกำไรสุทธิในงวดครึ่งปีหลัง (1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562) ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพิ่มอีกในอัตรา 0.04 บาท/หุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 30 เมษายน 2563 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 และวันที่จ่ายปันผล วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปเรียบร้อยแล้วจากกำไรสุทธิในงวดครึ่งปีแรก ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอัตรา 0.04 บาท/หุ้น สนับสนุนให้ทั้งปี 2562 HTECH จ่ายปันผลรวม 0.08 บาท/หุ้น
ในปี 2563 ภาพรวมธุรกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีสัญญาณบวกจากลูกค้ามีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นหลังจากช่วงปลายปีจนถึงต้นปีที่ผ่านมานี้ซบเซา และมองว่า ในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ ทั้งลูกค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) และยานยนต์จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตามลำดับ สนับสนุนไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ปีนี้มีการฟื้นตัว และส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ supply chain จากประเทศจีนมีปัญหา ผู้ผลิตย้ายกลับมาโรงงานที่ประเทศไทย สนับสนุนให้ภาพรวมคำสั่งซื้อในประเทศไทยมีทิศทางเติบโตขึ้น แต่กระทบฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ของกลุ่มบริษัทในประเทศฟิลิปปินส์ จึงปรับกลยุทธ์ในการลดเวลาทำงาน ควบคู่การเร่งหาลูกค้าใหม่ๆ สำหรับบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม ปีนี้มองว่ายังมีทิศทางที่ดีจากการลงเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติม รวมทั้งปีที่ผ่านมา มีการส่งบุคลากรจากบริษัทใหญ่ไปเพิ่ม เพื่อช่วยเรื่องการบริหารจัดการระบบต่างๆ และพัฒนาศักยภาพทางการผลิต สนับสนุนให้ยอดขายโตขึ้นต่อเนื่องในทุกไตรมาส
เพื่อขยายโอกาสใหม่ๆ HTECH ประกาศลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท Mastertech Diamond Products Company หรือ MDP โดยซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 80% จาก Mr.Thomas Frakes และ Mrs.Cynthia Frakes ด้วยมูลค่า 5.28 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 158.28 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการยืนยันวันที่ทำรายการ ภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ โดยมีเงื่อนไขการชำระเงิน 60% แรกของราคาซื้อ ณ วันที่ทำรายการ และส่วนที่เหลือภายใน 1 ปีหลังจากวันที่ทำรายการ เงินที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้มาจากเงินกู้ยืมจากธนาคาร และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ทั้งนี้ MDP เป็นผู้ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหลังการขายสินค้าเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ ประเภท PCD และ PCBN มีกลุ่มลูกค้าอยู่ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องบิน อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ รวมไปถึงอุตสาหกรรมหนักในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศใกล้เคียง
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในครั้งนี้ สนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าไปยังลูกค้ารายใหม่ และพัฒนาการให้บริการในฐานลูกค้าเดิม ยกระดับจากการเป็นตัวแทนจำหน่าย กลายเป็นผู้ผลิตสินค้าเต็มรูปแบบ รวมถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ เพิ่มความได้เปรียบในการพัฒนาสินค้า สร้างโอกาสในการขยายกำลังการผลิต และสนับสนุนการเติบโตให้แก่บริษัทฯ ในอนาคต อีกทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผล เนื่องจาก MDP เป็นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานประจำปี 2562 เป็นอีกปีที่ท้าทายบริษัทฯ จากปัจจัยภายนอกที่กระทบธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 965.81 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 13.58% และมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 64.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 51.03 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนราว 70% และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.68% และ 5.28% ต่อรายได้รวมตามลำดับ จากภาพรวมได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ หรือ HDD ที่มีการชะลอการผลิต ลูกค้ารายหลักลดคำสั่งซื้อสินค้า และชะลอแผนการลงทุนขยายกิจการในประเทศเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้รายได้ในธุรกิจเครื่องมือตัดเฉือนโลหะที่มีลักษณะเฉพาะ (Special Cutting Tools) ของบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการชะลอตัวของบริษัทในประเทศไทย นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศชะลอตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งลูกค้าในประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ ด้านบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม เป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรมยานยนต์เกือบทั้งหมด แต่ยังมีสัดส่วนรายได้น้อย
ในส่วนธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือในการตัดเฉือนโลหะ มีรายได้จากการซื้อมาขายไปของบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศซึ่งมีทั้งหมด 5 บริษัท ซึ่งบริษัทย่อยในประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่บริษัทย่อยในต่างประเทศมีรายได้ลดลง โดยเฉพาะบริษัทย่อยในอินโดนีเซียที่ยอดขายตกลงจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ บริษัทย่อยในสิงคโปร์ และบริษัทย่อยในมาเลเซีย มียอดขายตกลงจากลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ลดลง และค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้การแปลงงบการเงินของบริษัทย่อยในต่างประเทศมีมูลค่าลดลง สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูปต่างๆ ดำเนินงานโดยบริษัท แฮลเซี่ยน เมทอล จำกัด เพื่อผลิตสินค้าส่วนหนึ่งสนับสนุนบริษัทใหญ่ซึ่งมีการผลิตลดลงในช่วงครึ่งปีแรก 2562 ทำให้สามารถขยายการรับงานไปยังลูกค้าภายนอกในช่วงครึ่งปีหลัง และผ่านการทดสอบลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศ ทำให้มีการส่งมอบงานล็อตใหญ่ สนับสนุนรายได้ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา