xs
xsm
sm
md
lg

ฐิติกรเผยผลประกอบการปี 2562 เพิ่มขึ้น 25.8% โตสูงสุดในรอบ 7 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



TK เผยผลประกอบการปี 2562 เพิ่มขึ้น 25.8% โตสูงสุดในรอบ 7 ปี สวนทางตลาด ประกาศจ่ายปันผล 275 ล้านบาท หุ้นละ 0.55 บาท ย้ำเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศเต็มกำลัง

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการประจำปี 2562 โดยมีกำไรสุทธิ 504.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% จาก 401.1 ล้านบาทในปี 2561 ประกาศจ่ายปันผล 0.55 บาท/หุ้น นับเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ฝ่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตแบบชะลอตัว ส่งผลให้ GDP ในปี 2562 เหลือ 2.4% สวนทางตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2562 ที่ลดลง 3.9% ส่วนลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิ ณ สิ้นปี 2562 รวม 7,438.6 ล้านบาท ลดลง 20.6% โดยผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้นมาตลอดตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ถึงปัจจุบัน จากนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงใช้นโยบายดังกล่าวในสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ และในระยะต่อไป TK เน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นปัจจัยหลัก ในธุรกิจภายในประเทศ เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ในขณะนี้ ย้ำเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศตามเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า จากการ ดำเนินงานประจำปี 2562 ที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจในประเทศภาพรวมเติบโตแบบชะลอตัว ทำให้การขยายตัวของ GDP ลดลง 2.4% จาก 4.1% ในปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาคการส่งออกที่หดตัวจากหลายสาเหตุ รวมทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ลดลง 3.9% เหลือ 1,719,373 คันในปีที่ผ่านมา อีกทั้งหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 79.1% ของ GDP ในไตรมาส 3 ปี 2562 อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่องของ TK ช่วยให้ผลการดำเนินงานในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 504.5 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 25.8% จาก 401.1 ล้านบาท ในปี 2561 นับเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 275 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 54.5 ของกำไรสุทธิ โดยจะปิดสมุดพักการโอนหุ้นเพื่อรับเงินปันผลในวันที่ 12 มีนาคม 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 นี้

“ในปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถมีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้นจากรายได้อื่นๆ จำนวน 731.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จาก 670 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากคุณภาพลูกหนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น พร้อมทั้งการบริหารจัดการติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งผลบวกต่อผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯ อีกด้วย ในส่วนของค่าใช้จ่ายรวมในปี 2562 จำนวน 3,086.0 ล้านบาท ซึ่งลดลง 8.2% จาก 3,359.9 ล้านบาท ในปีก่อน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมลดลง 13.7% จาก 2,163.8 ล้านบาท เหลือ 1,866.8 ล้านบาท จากการที่บริษัทฯ มีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการนำ Digital Technology เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการมากขึ้น รวมทั้งมีการบริหารจัดการแหล่งต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม รายได้รวมปี 2562 จำนวน 3,719.1 ล้านบาท ลดลง 3.9% จาก 3,871.8 ล้านบาท ส่วนรายได้เช่าซื้อ ปี 2562 จำนวน 2,966.6 ล้านบาท ลดลง 6.4% จาก 3,170.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ TK เน้นคุณภาพลูกหนี้เป็นปัจจัยหลักในธุรกิจภายในประเทศ เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ในขณะนี้ และจะยังคงเร่งการขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลัง ตามทิศทางของบริษัทที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดดังกล่าว” นางสาวปฐมากล่าว

ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ มีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 7,438.6 ล้านบาท ลดลง 20.6% จาก 9,372.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากนโยบายเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 9,163.3 ล้านบาท ลดลง 13.4% จาก 10,578.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหนี้สินรวม 3,839.7 ล้านบาท ลดลง 30.2% จาก 5,500.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีผ่านมา และในไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ผ่านมา จนถึงสิ้นปี บริษัทมีโครงการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระสำหรับลูกค้าชั้นดีที่มีการผ่อนชำระค่างวดเช่าซื้อมาเกินกว่าครึ่งหนึ่งของค่างวดรายเดือนที่ทำสัญญาเช่าซื้อทั้งหมด และยังมีการผ่อนชำระค่างวดอย่างสม่ำเสมอ แต่อาจมีการชำระล่าช้าจนมียอดค้างชำระบางส่วน โดยบริษัทฯ ไม่ได้ลดการตั้งสำรองของลูกค้าในกลุ่มนี้ เป็นผลให้การตั้งสำรองของบริษัท ณ สิ้นปี 2562 เป็นจำนวน 632.5 ล้านบาท บวกกับ General Reserve 1% (77.1 ล้านบาท) รวมเป็นสำรองลูกหนี้ 709.6 ล้านบาท และมีค่าเผื่อสำรองลูกหนี้สงสัยจะสูญต่อลูกหนี้รวมที่ 8.7% และมีลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือนที่ 4.5% ส่งผลให้ Coverage Ratio อยู่ที่ 193.5%

นายประพลกล่าวเพิ่มเติมว่า “จะเห็นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน จากมาตรการที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและการควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และบริษัทยังคงนโยบายเร่งตัดหนี้สูญสำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่มีการชำระค่างวดไม่สม่ำเสมอ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท โดยเฉพาะในสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ ซึ่งยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ในขณะนี้ ซ้ำเติมจากภัยแล้งและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน”

สำหรับการขยายตลาดไปในต่างประเทศ ปัจจุบัน TK มีบริษัทลูกดำเนินธุรกิจอยู่ใน 3 ประเทศ คือ บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ในราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว และบริการ Micro Finance ในสหภาพพม่า ในปี 2562 ที่ผ่านมามีสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์จากต่างประเทศ 17.8% ของลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งเติบโต 36.3% จากปีก่อนหน้านี้ โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มจำนวนสาขาให้บริการในทั้ง 3 ประเทศ คาดว่าจะมีจำนวนสาขาในต่างประเทศรวม 21 สาขาภายในสิ้นปี 2563 นี้ นอกจากนี้ TK ยังคงมองหาโอกาสในการเร่งขยายตลาดเดิมและเปิดตลาดใหม่ๆ เมื่อมีโอกาสและจังหวะที่เหมาะสม นายประพลกล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น