JMART GROUP เผยผลประกอบการปี 2562 โกยกำไรสุทธิกว่า 534 ล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และมีผลกำไรในทุกบริษัทย่อย โดยมี เจเอ็มที เป็นฐานกำไรที่ยังคงโดดเด่น พร้อมด้วยการผนึกกำลังของบริษัทในเครือ ได้แก่ เจมาร์ท โมบาย - เจ ฟินเทค - เจ เวนเจอร์ส - ซิงเกอร์ประเทศไทย - เจเอเอส แอสเซ็ท พร้อมไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.24 บาทต่อหุ้น พ่วงแจกวอแรนต์ให้ผู้ถือหุ้นเดิม 2 ชุด JMART-W3 และ JMART-W4 ลั่นปี 2563 ทุกธุรกิจเดินหน้าโตแกร่ง
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งความท้าทายในด้านผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท จากความสำเร็จในการบริหารจัดการ ทำให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานประจำปี 2562 พลิกกลับมามีผลกำไรสุทธิ 533.8 ล้านบาท โดยถือเป็นผลกำไรสุทธิที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีผลขาดทุน (277.1) ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 292.6% ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3,242.3 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 12.4% จากการมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 11,334.8 ล้านบาท ลดลงราว 9.8%
อย่างไรก็ตามจากความสำเร็จในครั้งนี้มาจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ในแต่ละสายธุรกิจหลัก มีผลประกอบการเป็นกำไรในทุกบริษัท โดย บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด ธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริม ในฐานะบริษัทแกน มียอดขาย 7,441 ล้านบาท จำหน่ายมือถือได้จำนวน 889,725 เครื่อง แม้ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างประเทศ แต่ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของกำไรที่ดี มีกำไรสุทธิ 91 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นสินค้ามาร์จิ้นดี และการควบคุมค่าใช้จ่าย มุ่งเน้นการบริหารจัดการภายใน โดยเฉพาะควบคุมสินค้าคงคลังให้เหมาะสมกับยอดขาย ซึ่งในช่วงสิ้นปี 2562 มีสินค้าคงคลังลดลงจากช่วงต้นปี 322.7 ล้านบาท หรืออยู่ที่ระดับ 1,006.4 ล้านบาท นอกจากนี้ ความสำเร็จในการเป็นพันธมิตรทางการค้ากับ AIS จัดจำหน่ายแพ็คเกจซิมควบคู่กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพิ่มความสามารถการแข่งขันทางการตลาดในปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องในปี 2563 นี้
ขณะที่ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT บริษัทย่อยในสัดส่วนร้อยละ 52.6 มีผลงานเติบโตสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มีกำไรสำหรับปีกว่า 681 ล้านบาท จากความสำเร็จในการซื้อหนี้มาบริหาร และการจัดเก็บที่ดีเยี่ยม มีกระแสเงินสดเรียกเก็บได้ 3,204 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนร้อยละ 33.5 และทิศทางการเติบโตในปีนี้ยังโดดเด่นต่อเนื่อง สร้างฐานกำไรให้ JMART ได้อย่างมั่นคง
ด้านธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลของ บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ในปี 2562 มีผลกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ นับเป็นการพลิกมีกำไรสุทธิจากการปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นอย่างรัดกุม มีรายได้จากการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพที่ตัดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น ตามเป้าหมาย มีอัตราการจัดเก็บหนี้ชั้นปกติเฉลี่ย 97%
ส่วนธุรกิจสายธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ประกอบธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ และลงทุนในบริษัท Started-up ที่มีศักยภาพ มีการพัฒนาระบบ DDLP ด้าน Block chain แล้วเสร็จตามแผน ICO ทำให้ เริ่มรับรู้รายได้จากการพัฒนาโครงการดังกล่าว พร้อมกับการทยอยตัดต้นทุนการพัฒนาระบบพร้อมกันไปตั้งแต่ไตรมาส 3/2562
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าพร้อมการให้บริการเช่าซื้อของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER บริษัทร่วมที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30.3 พลิกกลับมีกำไรสุทธิ 165 ล้านบาท นับเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 5 ปี (ปี 2558 - 2562) เนื่องจากโฟกัสการดำเนินธุรกิจที่มีกำไร พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อที่รัดกุม พร้อมกับ ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “รถทำเงิน” มีการขยายพอร์ตอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) สนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้โดดเด่นอย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และพื้นที่ค้าปลีก ของบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ในปีที่ผ่านมามีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โครงการคอนโดมิเนียม นิวเอร่า (Newera Condominium) บริษัทฯ สามารถโอนส่งมอบห้องชุดเรียบร้อยแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง จากทั้งหมดของโครงการ สนับสนุนให้ผลงานพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.2 ล้านบาท พร้อมกับโอกาสจากการขยายงานโครงการอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ในการก่อสร้างโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ “The Jas Village อมตะ” ซึ่งจะเปิดตัวโครงการภายในไตรมาส 2/2563 นี้ ควบคู่การรับรู้รายได้จากการส่งมอบห้องชุดโครงการคอนโดมิเนียม นิวเอร่า อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดจากผลประกอบการในงวดครึ่งปีหลัง งวดดำเนินงานวันที่ 1 กรกฏาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ในอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.24 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 21 เมษายน 2563 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 22 เมษายน 2563 วันที่จ่ายปันผล 8 พฤษภาคม 2563 ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.2608224 บาทต่อหุ้น ซึ่งจ่ายเป็นหุ้นในอัตรา 4.26 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ และจ่ายปันผลเป็นเงินสด เพื่อรองรับการหักภาษี ณ ที่จ่าย ดังนั้น เมื่อรวมทั้งปี เจมาร์ทมีมติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.5008224 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติจัดสรรวอร์แรนท์ให้ผู้ถือหุ้นเดิม 2 ชุด JMART-W3 และ JMART-W4 อายุ 2 ปี และ 3 ปี ที่มีราคาใช้สิทธิ 14 บาท และ 18 บาทตามลำดับ โดยกำหนดรายชื่อผู้ได้รับสิทธิจัดสรรวอร์แรนท์ (Record date) 22 เมษายน 2563 นี้