เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ เปิดงบปี 62 พลิกมีกำไรสุทธิ 87.5 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าขาดทุนสุทธิ 81.03 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 208% อวดกำไรเป็นปีแรกในรอบ 5 ปี ขณะที่มีรายได้ 1,139 ล้านบาท โตแรง 49.88% สูงกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งเป้าคาดว่าจะโตในช่วง 15-20% มั่นใจปี 2563 รักษาการเติบโตโดดเด่นในอัตราไม่น้อยกว่า 15%
นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ สำหรับงวดปี 2562 พลิกมีกำไรสุทธิ 87.50 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้นจำนวน 168.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 208% จากปีก่อนหน้ามีผลขาดทุนสุทธิ 81.03 ล้านบาท นับว่าทำกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี สืบเนื่องจากรายได้เติบโตในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,139 ล้านบาท เติบโต 49.88% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 760.43 ล้านบาท อัตราการเติบโตดังกล่าวถือว่าสูงกว่าเป้าหมายรายได้ที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตในอัตรา 15-20% โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากการขายและบริการ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการขายก๊าซ LPG และน้ำมัน จำนวน 755.63 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในปี 2563 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตเกินระดับ 15% จากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ และเริ่มรับรู้ผลจากการเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานอื่นๆ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ต้องการก้าวสู่การเป็นบริษัทพลังงานอย่างแท้จริง เพื่อสร้างเสถียรภาพในแง่ของผลประกอบการ เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจพลังงานเป็นธุรกิจที่มีรายได้อย่างสม่ำเสมอ
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้จำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส กำลังการผลิตไฟ 2 เมกะวัตต์ (MW) และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าอีก 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าประชารัฐบันนังสตา จ.ยะลา และโรงไฟฟ้าประชารัฐแม่ลาน จ.ปัตตานี ซึ่งคาดว่าจะสามารถ COD ได้ช่วงปลายปี 2563
สำหรับธุรกิจกำจัดกากอุตสาหกรรม บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้ และกำไรจากการบริการกำจัดกากอุตสาหกรรมด้วยวิธีการฝังกลบที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ให้เติบโตกว่าปี 2562 ที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการให้บริการกำจัดกากอุตสาหกรรมโดยใช้เทคโนโลยีการเผาขยะด้วยอุณหภูมิสูง ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ทั้งนี้ พลังงานความร้อนจากการเผากากอุตสาหกรรมดังกล่าวสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ภายในโรงงาน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถประหยัดต้นทุนทางด้านพลังงาน และสามารถนำพลังงานไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้ภายในโรงงานไปต่อยอดธุรกิจในเชิงพาณิชย์ได้
ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ได้เริ่มให้บริการตั้งแต่ปลายปี 2562 ที่ผ่านมา และในปี 2563 นี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากบริษัทฯ จะทำการตลาดเชิงรุกสำหรับตลาดในประเทศ และมีแผนการขยายขอบเขตการให้บริการไปยังต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นขอจดอนุสิทธิบัตรจาก 12 ประเทศในแถบกลุ่มประเทศอาเซียน
“บริษัทฯ สามารถสร้างผลประกอบการงบปี 2562 พลิกมีกำไรสุทธิได้ตามที่เคยให้คำมั่นกับผู้ถือหุ้นไว้ และบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อไป โดยมุ่งเข้าสู่การเป็นบริษัทพลังงานโดยแท้จริง เร่งล้างขาดทุนสะสมที่มีจำนวน 1,256 ล้านบาทให้หมดโดยเร็ว เพื่อให้บริษัทฯ กลับมามีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผล สร้างผลตอบแทนคืนให้ผู้ถือหุ้นโดยเร็ว ภายหลังประกาศงบปี 2562 จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1,594.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้าอยู่ที่ 1,393.51 ล้านบาท” นายสิทธิชัยกล่าว