เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป ยกระดับยุทธศาสตร์ ภายใต้พันธกิจใหญ่ EMPOWER LIVING ชู 4 กลยุทธ์สำคัญนำไปสู่ความสำเร็จ ท่ามกลางภาวะตลาดอสังหาฯ ที่มีความท้าทาย คู่แข่งใหม่ๆ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจเปิด 37 โครงการใหม่ มูลค่า 47,150 ล้านบาท รุกหนักเพิ่มพอร์ตโครงการแนวราบ หวังต่อยอดยอดขายและรายได้ รุกชิมตลาดโครงการแนวราบต่างหวัด ประเดิมจังหวัดเมืองรอง นครศรีธรรมราช รูปแบบมิกซ์ยูส
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป กล่าวว่า ด้วยความท้าทายที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจ ทั้งบทบาทของเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปหลายภาคธุรกิจ คู่แข่งจากนอกธุรกิจ (Unknown Unknown Competitors) ที่พร้อมจะเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาด ด้วยความพร้อมทั้งเงินทุนและข้อมูลแบบที่ไม่ทันตั้งตัว ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น คำถามคือ เราจะทำอย่างไรให้สินค้าหรือบริการที่พัฒนาขึ้นนั้นสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตลอดจนนำพาองค์กรก้าวเดินไปสู่การเติบโต พร้อมการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน
"เรามองว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีความท้าทาย และเป็นปีที่ทดสอบของบริษัท เอพีฯ ด้วย ตรงนี้ทำให้เราต้องปรับปรุงองค์กรให้แข็งแรงขึ้น เพื่อให้ไปต่อในอนาคต และหากปีนี้เราผ่านไปได้ เราจะเก่งขึ้น ซึ่งแน่นอนตอนนี้คู่แข่ง ก็พยายามหาความสามารถเฉพาะตัว หานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามา สถานการณ์ต่างๆ เรารู้มาอยู่แล้ว และทางเอพี ก็พร้อมที่จะรับมือ แต่สิ่งที่ยากที่เราเจอมาในปีที่ผ่านมา คือ นโยบายใหม่ๆ คู่แข่งใหม่ๆ ที่เข้ามาตลาดที่เราไม่เคยคิดว่าจะเป็นคู่แข่ง ก็เข้ามาแข่งกับเรา และแค่ผ่านมา 2 เดือน ก็มีอะไรเข้ามาท้าทายเราตลอด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 และล่าสุด เรื่องไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเรามากๆ และกระทบไปทั่วโลก"
ดังนั้น ในปี 2563 บริษัทฯ จึงได้ยกระดับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ภายใต้พันธกิจ EMPOWER LIVING คือ การดำเนินงานที่พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนในสังคมสามารถเติมเต็มทุกเป้าหมายชีวิตได้ตามที่ปรารถนา ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต ทั้งยังใช้เป็นเข็มทิศในการก้าวเดินให้แก่พนักงานเครือ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป มองเห็นเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนและเป็นภาพเดียวกันมากยิ่งขึ้น โดยขับเคลื่อนผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญที่จะเป็นโรดแมปที่จะตอบสนองเป้าประสงค์หรือความปรารถนาในการดำเนินชีวิตของลูกค้าให้เกิดขึ้นจริงในเร็ววัน ดังนี้
1.AP THAILAND VALUES มุ่งสร้างค่านิยมที่จะเป็น DNA สำคัญในการหล่อหลอมบุคลากรกว่า 2,000 คนภายใน 6 องค์กรเครือเอพี สร้างองค์กรให้เป็นสังคมแห่งการคิดค้น กล้าฝัน ทดลองใช้ ทดลองทำ ให้เป็นวัฒนธรรมที่มีค่านิยม
2.MASTERPLAN FOR TOMORROW การเดินหน้าขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยคุณภาพ ให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
3.DESIGNING YOUR FUTURE การมุ่งแสวงหาความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้า และนวัตกรรมบริการใหม่ๆ ที่มีคุณค่าและยกระดับชีวิตในวันนี้ให้ดียิ่งขึ้น และ 4.POWER OF ECOSYSTEM การสร้างระบบนิเวศที่จะช่วยสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร
ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะดำเนินงานตามโรดแมป MASTERPLAN FOR TOMORROW ด้วยการเดินหน้าขยายขอบเขตการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนางานก่อสร้างให้มีคุณภาพ ด้วยการเปลี่ยนวิธีการทำงานทั้งระบบไปสู่กระบวนการ BIM ที่ส่งผลให้ลูกค้าได้รับอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ ลดข้อบกพร่อง ลดบาดแผลที่อาจส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2563 ทาง เอพี เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดบ้านแนวราบมา 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นผลงานที่เติบโตต่อเนื่่อง โดยหากย้อนหลังไป 5 ปี (2558-2562) ยอดขายแนวราบเพิ่มขึ้นทุกปี จากตัวเลข 12,543 ล้านบาท เพิ่มเป็น 18,145 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ล่าสุด ในปี 2563 จะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 37 โครงการ มูลค่า 47,150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินค้าแนวราบ จำนวน 33 โครงการ มูลค่ารวม 35,050 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 12,100 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวในครึ่งปีแรก จำนวน 19 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,290 ล้านบาท เป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 17,790 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 12,105 ล้านบาท และทาวน์โฮม 7 โครงการ มูลค่า 5,685 ล้านบาท คอนโดฯ 2 โครงการ มูลค่า 5,500 ล้านบาท
ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 33,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเตรียมส่งมอบ จำนวน 4 โครงการ เป็น 2 โครงการร่วมทุน คือ LIFE ลาดพร้าว มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,800 ล้านบาท พร้อมโอนฯ ช่วงไตรมาส 3 ของปี โดยทั้ง 2 โครงการมียอดขายไปแล้วทั้งสิ้น 93% และคอนโดเอพี อีกจำนวน 2 โครงการ คือ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท เริ่มโอนเดือนกุมภาพันธ์นี้ และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาท เริ่มโอนประมาณไตรมาส 3 ของปี และตั้งเป้ารายได้รวม 100% โครงการร่วมทุนที่ 40,550 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมโครงการร่วมทุน (JV) มูลค่ามากถึง 51,987 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 8,387 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 43,601 ล้านบาท (แบ่งเป็นคอนโดเอพี มูลค่า 4,328 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 2,792 ล้านบาท และเป็นโครงการร่วมทุน มูลค่า 39,273 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ ประมาณ 13,768 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
"ปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่บริษัทจะกระจายการพัฒนาโครงการแนวราบออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ เป็นการออกไปทดลองชิมน้ำก่อน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแบรนด์ใหม่ออกมาทำตลาด ระดับราคา 1-2 ล้านบาท ลักษณะของโครงการจะเป็นมิกซ์ยูสสินค้าแนวราบ ในปีนี้จะเปิด 4-5 โครงการ ภูมิภาคละ 1 โครงการ คาดว่าโครงการแรกในจังหวัดนครศรีธรรมราช จะเปิดตัวโครงการได้ไตรมาส 3 ปี 63 ซึ่งการขยายไปตลาดต่างจังหวัดครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดตลาดสินค้าแนวราบของเอพีให้กว้างขึ้นแล้ว ยังถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงพื้นที่เพื่อศึกษา และเรียนรู้ความต้องการในมิติใหม่ของคนไทยในแต่ละภูมิภาค ซึ่งแบบบ้านที่จะนำไปพัฒนานั้นอยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อให้สอดรับต่อความต้องการและพฤติกรรมของคนในแต่ละพื้นที่ ตามคอนเซ็ปต์ Dynamic Personalized Model การออกแบบและพัฒนาโครงการที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบและคอนเซ็ปต์ดีไซน์ตามลิฟวิ่งแพตเทิร์น (Living Pattern) ที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละทำเล"
นอกจากนั้นแล้ว ยังพร้อมต่อยอดเป้าหมาย EMPOWER LIVING ไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการผ่านบริษัทในเครือ ครอบคลุมทุกมิติชีวิต ได้แก่ LIFELONG LEARNING การพัฒนาความรู้ความสามารถของคนตลอดช่วงชีวิต โดย เอสอีเอซี (SEAC) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ด้วย 3 รูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) ที่พร้อมส่งเสริมและจุดประกายการเรียนรู้และการรีสกิลในทุกสเต็ปของชีวิต ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง ด้วยโมเดล Executive Learning กลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 20-40 ปีกับหลักสูตร YourNextU การเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่เลือกเรียนเองได้ และเรียนซ้ำอย่างไม่จำกัด และ YourNextU Young หลักสูตรใหม่สำหรับเยาวชนอายุ10-17 ปี เพื่อมุ่งเสริมสร้างน้องๆ ให้มีความเข้าใจในตนเอง เข้าใจคนรอบข้าง เข้าใจสภาพแวดล้อมและปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาดและมีความสุข และ HEALTH & AGEING การส่งเสริมให้คนมีสุขภาพที่แข็งแรงและบริการรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย โดยบริษัท เคลย์มอร์ จำกัด (CLAYMORE) Innovation Lab ที่จะนําเสนอนวัตกรรมบริการใหม่ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการดํารงอยู่ของคนในสังคมวันนี้และในอนาคต