ซีอีโอบริษัทเอสซีฯ ยอมรับอสังหาฯ ปี 63 อยู่ในภาวะซึมเศร้า เจอปัญหาแทรกซ้อนมากมาย สต๊อกในตลาดระบายช้า พร้อมบริหารธุรกิจยืดหยุ่น ปรับพอร์ตโตยั่งยืน เพิ่มแนวราบและรายได้ค่าเช่า วางเป้าเปิดโรงแรมภายในปี 66 รวม 1,000 keys และหา S-curve ใหม่ เสริมรายได้ในอนาคต กับฐานลูกค้าของเอสซีกว่า 60,000 ราย ระบุปีนี้เปิด 13 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท เจาะตลาดแนวราบเป็นหลัก
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีเรื่องของภัยแล้ง การจัดสรรงบประมาณประจำปี 2563 ต้องเลื่อนออกไป ล่าสุด กับเหตุการณ์แพร่เชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) แน่นอนกระทบต่อตลาดท่องเที่ยว จีพีดีของประเทศไทยในปีนี้มีโอกาสสูงมากที่จะเติบโตต่ำกว่า 2% ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ในต้นปีที่ผ่านมา ได้รับยาแรงมา 2 เม็ด คือ 1.การลดดอกเบี้ยนโยบายลง และ 2.การผ่อนปรนมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ลง แต่อาการยังไม่ทันดีขึ้น ก็เกิดเจอโรคใหม่ คือ โรคซึมเศร้า เนื่องจากเราเจอปัญหาต่างๆ ที่ไม่คาดคิดมากมาย จากที่ในปี 2562 ภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะท้องอืด สต๊อกในระบบระบายช้า
และเพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและไม่แน่นอน ทาง เอสซี ได้วางแนวทาง ‘Resilient’ ยืดหยุ่น เพื่อความยั่งยืน พร้อมปรับตัวและมองโอกาสหา S-curve ให้บริษัทสำหรับการเติบโตระยะยาว โดยขับเคลื่อนใน 2 เรื่องหลัก คือ ‘Resilient Portfolio’ กับ ‘Resilient People’
โดย ‘Resilient Portfolio’ ที่ว่า แบ่งออกเป็น 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ For Sale, For Rent และ Living Solutions
ในส่วนแรก For Sale เน้นตลาดแนวราบ เนื่องจากจากการเติบโตของบ้านเดี่ยวทุกระดับราคาในปี 2562 ที่ผ่านมา เอสซี มีส่วนแบ่งตลาด (market share) อันดับ 1 บ้านหรูระดับราคา 20-50 ล้านบาท และอันดับ 3 ของบ้านเดี่ยวทุกระดับราคา จึงมีแผนเพิ่มการเติบโตของแนวราบ โดยเพิ่มสัดส่วนของแนวราบราคาน้อยกว่า 10 ล้านบาท จาก 40% เป็น 50% ภายใน 3 ปี
ด้วยจุดเด่นที่พัฒนา product ครบทุก segment และตอบโจทย์ human-centric ยังได้ออกแบบ prototype ใหม่ๆ เพิ่มความหลากหลาย เพื่อเป็นบ้านสำหรับทุกคน (Homes for All) ที่สำคัญ คือ การรักษามาตรฐานคุณภาพสูง ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์เรา
ส่วนที่สอง For Rent เสริมพอร์ต recurring income ให้มีสัดส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอนาคตมากกว่า 20% โดยได้เปิดบริษัทใหม่ ชื่อ SC Expedition (บริษัท เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น จำกัด) มีนายเยี่ยม เศรษฐบุตร เป็นกรรมการผู้จัดการ เพื่อพัฒนาธุรกิจโรงแรมกลุ่ม mid-to-upscale รองรับนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและในไทย โดยเฉพาะกลุ่ม FIT (Free Individual Travelers) ที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตนเองและกำลังเติบโต
พร้อมด้วยเป้าหมายการเปิดโรงแรมรวม 1,000 keys ระหว่างปี 2563-2566 ประกอบด้วย 5 ทำเล ทั้งกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวที่พัทยา โดยจะเปิดในกรุงเทพฯ แห่งแรกที่ราชวัตร ส่วนอีก 3 ทำเล ได้แก่ รัชดาภิเษก สุขุมวิท วิภาวดี
อีกทั้งได้ร่วมกับ IDEO Tokyo บริษัทออกแบบและที่ปรึกษาด้านการออกแบบระดับโลก ที่ใช้แนวคิด Design Thinking มาพัฒนา concept เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ (นักท่องเที่ยว) ในแบบฉบับ SC โดยมี ‘Micro Stay’ เป็นซิกเนเจอร์เซอร์วิสในแบบเฉพาะตัวที่โรงแรมแต่ละแห่งมี solutions แตกต่างกัน
สำหรับความคืบหน้าบริษัท SC Alpha Inc. (เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น) เพื่อลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีนายอภิสิทธิ์ ลิ้มล้อมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ซึ่งจากปัจจัยและโอกาสของตลาดอพาร์ตเมนต์ในบอสตันที่มีศักยภาพพร้อมเติบโต จึงได้ทำสัญญาซื้อและบริหารอาคารที่ 244 Hanover Street & 20 Parmenter Street ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ มูลค่า 24.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และในแต่ละปีได้เตรียมงบลงทุนในต่างประเทศประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
และส่วนที่สาม หา S-curve ใหม่จาก Living Solutions โดยเรามองโอกาสและหา S-curve ใหม่ บนการพัฒนา platform โดยได้เปิดตัว RueJai Club ไว้ดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นวิถีของโลกยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งมอบ solutions ให้แก่ลูกค้าทุกๆ บ้าน ด้วยโมเดลช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต ซึ่งประกอบด้วยแพกเกจบริการรายครั้งหรือรายเดือน สำหรับอำนวยความสะดวกทุกสิ่งที่เกี่ยวกับบ้าน ได้แก่ แม่บ้าน ทำสวน ล้างแอร์ เป็นต้น พร้อม solutions ที่มากกว่า ได้แก่ บริการส่งน้ำ ส่งแก๊ส ตัดผม ซักรีด ประกันภัย อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมายที่จะร่วมกับบริษัทพาร์ตเนอร์ชั้นนำในอนาคต ปัจจุบัน เอสซี มีลูกค้า 20,000 ครอบครัว มีสมาชิกประมาณ 50,000-60,000 ราย
‘Resilient People’ การให้ความสำคัญต่อบุคลากรที่เป็นหัวใจของความสำเร็จขององค์กร บริษัทได้นำวัฒนธรรมองค์กรชื่อ #SKYDIVE ภายใต้ค่านิยม (core values) 4 ประการ คือ care, courage, collaboration, continuous improvement โดยทั้งหมดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เปิดโอกาสให้กล้าคิดและทำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนองค์กรให้สอดคล้องต่อการเป็น Living Solutions Provider
ในด้านเป้าหมายธุรกิจในปีนี้ เอสซี ตั้งเป้ารายได้ที่ 17,800 ล้านบาท โดยมียอดขายรอบันทึกเป็นรายได้ (แบ็กล็อก) มูลค่า 7,000 ล้านบาท จะรับรู้ปีนี้ประมาณ 60% และยอดขาย 18,000 ล้านบาท โดยการเติบโตของรายได้และยอดขายมาจากโครงการเปิดขายทั้งหมด 64 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 58,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 51 โครงการ มูลค่ารวม 42,300 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้มีสินค้าพร้อมขายและโอนทั้งแนวราบและคอนโดฯ มูลค่า 15,000 ล้านบาท
และพร้อมกับการเปิด 13 โครงการใหม่ มูลค่า 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 12 โครงการใหม่ มูลค่า 12,500 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่ทุกระดับราคา เริ่มต้น 2-50 ล้านบาท ทำเลวิภาวดี พระราม 5 แจ้งวัฒนะ พระราม 9 พัฒนาการ บางนา-อ่อนนุช โดยเตรียมเปิดโครงการแรก วี คอมพาวด์ ติวานนท์-รังสิต ในเดือน มี.ค.นี้
ส่วนโครงการแนวสูง เปิด The Crest Park Residences คอนโดฯ ระดับ Luxury พัฒนาภายใต้บริษัทเอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชู ของประเทศญี่ปุ่น บนทำเล prime ที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ จำนวน 429 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท กำหนดเปิดขายในไตรมาส 2/63 ราคาเฉลี่ยกว่า 200,000-250,000 บาท/ตร.ม.
"ปีนี้เราจะหยุดลงทุนซื้อที่ดินส่วนของคอนโดฯ แต่จะไปให้น้ำหนักกับโครงการแนวราบ ซึ่งเรามองว่าปีนี้ในทุกวิกฤตเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เราจะใช้ความยืดหยุ่น เพื่อความยั่งยืน เราจะคิดอย่างผู้ชนะ มองหาโอกาส ในทุกวิกฤต มี portfolio ที่ยืดหยุ่น สินค้าและบริการคุณภาพสูง และวัฒนธรรมองค์กรที่ใช้ จะพา เอสซี ผ่านปีแห่งบททดสอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน"