xs
xsm
sm
md
lg

สหมิตรถังแก๊สตั้งเป้ายอดขายโต 30% เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SMPC แจ้งผลงานปี 2562 มียอดขาย 3,255.96 ล้านบาท กำไร 375.19 ล้านบาท รับภาพรวมเศรษฐกิจและเงินบาทแข็งค่ากระทบ แต่แนวโน้มสถานการณ์ดีขึ้นในปีนี้ ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.18 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 30 เมษายนนี้ “สุรศักดิ์ เอิบสิริสุข” เอ็มดี เดินหน้าสร้างผลงานตั้งเป้ายอดขายปี 2563 โต 30% เน้นแผนการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ รุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มทวีปเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกา ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมถังแก๊สยังสดใส เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นต่อการบริโภคในชีวิตประจำวัน

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจปี 2563 คาดว่าจะดีกว่าปี 2562 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 30% โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาจะเติบโตขึ้นมากจากปีที่ผ่านมา ตลาดเอเชียมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่ผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทำให้บริษัทฯ ได้อานิสงส์บวกมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น

ถึงแม้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ในฐานะผู้ส่งออก แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีการนำเข้าวัตถุดิบเป็นเงินตราต่างประเทศ ทำให้มีการป้องกันความเสี่ยงแบบ Natural Hedging ประกอบการพิจารณาใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น เช่น การซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) ตามความจำเป็นและเหมาะสม ในส่วนของการดำเนินงาน บริษัทยังเน้นนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องทุกภาคส่วน เพื่อสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพด้วยต้นทุนที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากถังแก๊สเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ลูกค้าจึงเริ่มกลับมาสั่งซื้อในช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา และในปี 2562 ผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น ด้วยภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น บริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดและผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการทำกำไรสูง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยังคงสามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้ในระดับปกติ

ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่น และตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.42 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวดวันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 ยังเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับงวดวันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 97 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 8 เมษายน 2563 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2563

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ งวดปี 2562 บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 3,255.96 ล้านบาท โดยยอดขายลดลง 1,196.97 ล้านบาท หรือลดลง 26.9% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 4,452.93 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิงวดปี 2562 อยู่ที่ 375.19 ล้านบาท ลดลง 183.23 ล้านบาท หรือลดลง 32.8% จากงวดปี 2561 ที่มีกำไร 558.42 ล้านบาท

“สาเหตุที่ยอดขายและกำไรลดลงเนื่องจากภาวะค่าเงินบาทแข็งอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงมากขึ้น ส่งผลต่ออัตราการบริโภคลดลง นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการชะลอสั่งซื้อของลูกค้าในแถบเอเชียใต้ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินท้องถิ่นของลูกค้าต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นเข้มงวดด้านการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ามากขึ้น” นายสุรศักดิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น