STC กำไรปี 62 พุ่งกระฉูด 67.23% อยู่ที่ 25.77 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 422.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.79% มีอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 32.05% อัตรากำไรสุทธิ 6.11% จากการได้รับงานเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในเขตเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มขึ้น สอดรับการลงทุนในโครงการ EEC สนับสนุนให้รายได้คอนกรีตสำเร็จรูปโตโดดเด่น “เอกชัย ชัยตระกูลทอง” แม่ทัพใหญ่เผย ปี 63 รับปัจจัยบวกต่อเนื่อง จาก Backlog ตุนไว้ในมือแล้ว 500 - 600 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นส่วนใหญ่ หนุนเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10 % ส่งซิกผลงานในช่วง 2 เดือนแรกของปีผ่านฉลุย ด้านที่ประชุมบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลทันทีหลังเข้าตลาดฯ 0.10 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 24 เมษายนนี้
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน)หรือ STC เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ งวดประจำปี 2562 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2562) รายได้รวมอยู่ที่ 422.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.79% จากปีก่อนอยู่ที่ 380.95 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 133.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.19% จากปีก่อนก่อนอยู่ที่ 104.51 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 25.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.23% จากปีก่อนอยู่ที่ 15.41 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นปี 2562 เทียบกับปี 2561 อยู่ที่ 32.05% และ 27.54% ส่วนอัตรากำไรสุทธิปี 2562 เทียบกับปี 2561 อยู่ที่ 6.11% และ 4.05% ตามลำดับ
การเติบโตในครั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการผลิตและจำหน่ายคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22.47% หรืออยู่ที่ 302.77 ล้านบาท และเป็นสัดส่วนรายได้หลักราว 72% ของรายได้รวม เนื่องจาก ได้รับงานเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในเขตเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งงานนิคมอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น รับปัจจัยบวกจากการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่เริ่มชัดเจนขึ้น ทำให้เกิด Economy of Scale ควบคู่การบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้งานภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวในปีนี้ แต่เชื่อว่า เมื่อการลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแล้วเสร็จ จะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว และมีโอกาสเติบโตอีกมาก ส่งผลให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
ประกอบกับ STC ผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปตามความต้องการลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงได้ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ ให้แก่ลูกค้างานโครงการทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก ประกอบกับ การขยายการลงทุนของภาคเอกชน ทำให้อัตรากำไรผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นในผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป 32.61% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ 31.06% และอัตรากำไรขั้นต้นจากการบริการ 20.62% ทั้งนี้ แม้ในปี 2562 STC มีค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ และค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ยังสามารถรักษาความสามารถการทำกำไรที่โดดเด่นต่อเนื่องได้
ที่ประชุมคณะกรรมบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น จากกำไรสะสมและกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานประจำปี 2562 กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 6 มีนาคม 2563 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 9 มีนาคม 2563 วันที่จ่ายปันผล 24 เมษายน 2563 นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งแรกทันทีหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่น และตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุน STC ด้วยดีเสมอมา
“บอร์ดบริหารมีมติจ่ายปันผลสูงถึง 0.10 บาท มากกว่า 100% จากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยนำส่วนหนึ่งจากกำไรสะสมมาปันผลให้ผู้ถือหุ้นด้วย เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ถือหุ้น STC โดยในปี 2563 คาดว่าบริษัทฯ ยังคงสร้างสถิติใหม่ทั้งรายได้ กำไร ซึ่งตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 10% จากปีก่อน ด้วยอานิสงส์จากการลงทุนของภาครัฐบาลและเอกชนอย่างต่อเนื่องในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และภาคตะวันออก สอดรับกับนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC สนับสนุนให้ STC มีโอกาสรับงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นของโรงงานที่มีการขยายกำลังการผลิตรอไว้แล้ว อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ ใจกลางเมืองพัทยา ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน และการบริหารจัดการต้นทุน อีกทั้งความไว้วางใจจากคู่ค้าและพันธมิตร ทำให้ปัจจุบันมีออเดอร์ของลูกค้าที่จ่อเข้ามารอไว้บางส่วนแล้ว” นายเอกชัยกล่าว
โดยในปี 2562 มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ราว 500 - 600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานประเภทสาธารณูปโภคพื้นฐาน จ่อรอรับรู้รายได้ในปี 2563 เป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ในปี 2564 สนับสนุนให้ STC เดินหน้าสร้างการเติบโตที่ดี ตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ โดยสัญญาณผลงานในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 1/2563 ผ่านลุล่วงไปได้ดีกว่าคาด มีการทยอยส่งมอบงานตามแผนการที่วางไว้ และการเดินหน้ารับงานใหม่เพิ่ม