xs
xsm
sm
md
lg

สมาร์ทคอนกรีต โชว์ผลประกอบการปี 62 รายได้รวม 466.82 ล้านบาท กำไรโต 67.16 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SMART โชว์ผลประกอบการปี 62 กวาดรายได้รวม 466.82 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 67.16 ล้านบาท เตรียมจ่ายปันผล0.05 บาท/หุ้น หรือ 72% ของกำไรสุทธิหลังหักขาดทุนสะสมและสำรองตามกฎหมาย เผยทิศทางธุรกิจปี63 แนวโน้มค่อนข้างดี นโยบายโครงการภาครัฐหนุน EECโครงการอสังหาฯ ทยอยลงทุนเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารายย่อย ผู้รับเหมา สถาปนิก ชูกลยุทธ์พัฒนาสินค้า อิฐมวลเบาตกแต่ง-ประหยัดพลังงาน ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดดีลเลอร์ทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ มียอดสั่งซื้อต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5 % รายได้ 490 ล้านบาท

นายรังสีทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคารเปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส4/62 มีรายได้รวม 124.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.90 ล้านบาท หรือ 25.11 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 99.18 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 20.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ2.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 867.53 %

ส่วนผลประกอบการงวดปี 2562 มีรายได้รวม 466.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.51ล้านบาท หรือ 27.44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 366 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 14.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ22.93 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 67.16 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้งานวัสดุอิฐมวลเบาของโครงการเมกะโปรเจคภาครัฐโครงการก่อสร้างภาคเอกชน อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกช่องทางอาทิ โมเดิร์นเทรด ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง จึงสามารถกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน72% ของกำไรสุทธิหลังหักขาดทุนสะสมและสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า40% ของกำไรสุทธิ หรือ คิดเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายในอัตราหุ้นละ0.05 บาท คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 23 ล้านบาท

สำหรับทิศทางธุรกิจปี 2563 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดี จากนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ EEC ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า โครงการเมกะโปรเจคขนาดใหญ่งานโครงการก่อสร้างอาคารภาครัฐ และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยลงทุนในโครงการใหม่ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาปรับตัวดีขึ้น

สำหรับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจบริษัทมีแผนเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก ผลักดันสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายมากขึ้นและมีการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมุ่งเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่"อิฐมวลเบาตกแต่งและคานทับหลัง" มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์O2O (Online to Offline ) เพื่อกระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโต และสร้างการรับรู้กับลูกค้าในวงกว้างผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้สัดส่วนรายได้งานภาครัฐอยู่ที่ 28 % ภาคเอกชน 70% และต่างประเทศ 2%

สำหรับการขยายตลาดกลุ่มประเทศCLMVบริษัทมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาและสปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าวนอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อขยายตลาดในกลุ่มประเทศCLMVอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 490 ล้านบาทหรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%


กำลังโหลดความคิดเห็น