SMART เผยทิศทางธุรกิจปี 63 แนวโน้มค่อนข้างดี นโยบายโครงการภาครัฐหนุน EEC โครงการอสังหาฯ ทยอยลงทุน เดินหน้าขยายฐานลูกค้ารายย่อย ผู้รับเหมา สถาปนิกชูกลยุทธ์พัฒนาสินค้าอิฐมวลเบาตกแต่ง-ประหยัดพลังงาน ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศมียอดสั่งซื้อต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% รายได้ 490 ล้านบาท โชว์ปี 62 กวาดรายได้รวม 466.82 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 67.16 ล้านบาท
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร กล่าวถึงทิศทางธุรกิจปี 2563 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีจากนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า โครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ งานโครงการก่อสร้างอาคารภาครัฐ และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยลงทุนในโครงการใหม่ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาปรับตัวดีขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ บริษัทมีแผนเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก ผลักดันสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายมากขึ้น และมีการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมุ่งเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ "อิฐมวลเบาตกแต่งและคานทับหลัง" มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline ) เพื่อกระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโต และสร้างการรับรู้แก่ลูกค้าในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้งานภาครัฐอยู่ที่ 28% ภาคเอกชน 70% และต่างประเทศ 2%
ในด้านการขยายตลาดกลุ่มประเทศ CLMV บริษัทมีการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่ายเพื่อขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ 490 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%
ส่วนผลประกอบการงวดปี 2562 มีรายได้รวม 466.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.51 ล้านบาท หรือ 27.44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 366 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 44.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 22.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 67.16 ล้านบาท ขณะที่งวดไตรมาส 4/62 มีรายได้รวม 124.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.90 ล้านบาท หรือ 25.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 99.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 2.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 867.53%
"ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้งานวัสดุอิฐมวลเบาของโครงการเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ โครงการก่อสร้างภาคเอกชน อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกช่องทาง เช่น โมเดิร์นเทรด ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง เพิ่มตัวแทนจำหน่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้าง จึงสามารถกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น"
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 72% ของกำไรสุทธิหลังหักขาดทุนสะสมและสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หรือคิดเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 23 ล้านบาท