ธอส.หารือคลัง รอเพิ่มเพดานบ้านล้านหลัง รับเกณฑ์บีโอไอระดับราคา 1.2 ล้านบาท คาดส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาโครงการรับกำลังซื้อ มั่นใจวงเงินกรอบแรก 50,000 ล้านบาท ปล่อยได้ตามแผนครบในปี 64 ขณะที่บริษัท กรีน เมโทรฯ ผู้ประกอบการอสังหาฯ จ.อุดรธานี เข้าร่วมบ้านล้านหลัง ขยายลงทุนโครงการใน 6 จังหวัด ป้อนสินค้า 1,200 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงการที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ปรับหลักเกณฑ์การส่งเสริมบ้านบีโอไอใหม่นั้นว่า มีความเป็นไปได้ที่ ธอส.จะคุยกับทางกระทรวงการคลัง ที่จะปรับเพิ่มเส้นเพดานราคาบ้านล้านหลังในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลให้สอดรับต่อเกณฑ์ใหม่ของบ้านบีโอไอ และเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการก่อสร้างโครงการในระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อยูนิต เพื่อให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยในเขตเมือง เพียงแต่ขณะนี้ต้องรอทางบีโอไอประกาศออกมาให้ชัดเจน คาดว่าเมื่อประกาศแล้วไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ทาง ธอส.สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่ในช่วงแรกคงต้องมีการประชุมชี้แจงกับทางผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ จะมีความพร้อมและสามารถผลิตที่อยู่อาศัยได้กี่พันกี่หมื่นยูนิตก่อนที่จะเข้าไปหารือกับทางกระทรวงการคลัง
"จริงๆ แล้ว เราเป็นคนเสนอต่อบีโอไอพิจารณาเพิ่มเกณฑ์ส่งเสริมบ้านผู้มีรายได้น้อย หลังจากดำเนินโครงการบ้านล้านหลังมาได้ 1 ปีแล้ว ซึ่งเราเห็นว่า ความต้องการบ้านล้านหลังในตลาดยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่า ธอส.ปล่อยสินเชื่อได้เฉลี่ยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือนมาติดต่อถึง 14 เดือน และเมื่อเริ่มโครงการบ้านล้านหลัง ทางผู้ประกอบการก็เริ่มสร้างสินค้าออกมาให้รับต่อความต้องการของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมาตรการของรัฐและนโยบายของดร.อุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้ผลักดันให้เริ่มมีการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยออกมาป้อนตลาด"
อนึ่ง เกณฑ์บีโอไอที่ประกาศใหม่ เช่น กรณีอาคารชุดมีพื้นที่ใช้สอยต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 24 ตารางเมตร (ตร.ม.) กรณีบ้านแถวหรือบ้านเดี่ยว ต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อหน่วยไม่ต่ำกว่า 70 ตร.ม.โดยมีราคาขายต่อหน่วยไม่เกิน 1.2 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) กรณีตั้งอยู่ในจังหวัดกรุงเทพฯ จ.นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และ จ.สมุทรสาคร และไม่เกิน 1 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) ในกรณีตั้งในจังหวัดอื่นๆ เป็นต้น
สำหรับความคืบโครงการบ้านล้านหลังนั้น วงเงิน 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อย (Post Finance) และสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย คาดว่าจะดำเนินการปล่อยสินเชื่อได้ตามแผนกรอบแรกที่วางไว้ภายในปี 2564 โดย ณ วันที่ 17 ก.พ.63 มีผู้มาติดต่อยื่นคำขอกู้แล้วจำนวน 23,766 ราย วงเงิน 17,513 ล้านบาท และ ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้าได้มีบ้านในฝันเป็นของตนเองได้แล้ว 22,463 ราย วงเงิน 15,988 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทมีอยู่จริงในตลาด ผู้ซื้อจะผ่อนในอัตราที่ต่ำเพียง 3,800 บาทต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้กู้ยังมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐในโครงการ "บ้านดีมีดาวน์" จำนวน 50,000 บาทต่อราย และจดทะเบียนนิติกรรมจำนองภายในวันที่ 31 มี.ค.63
ในส่วนของสินเชื่อพัฒนาโครงการ วงเงิน 10,000 ล้านบาทนั้น ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อแล้ว 2 โครงการ วงเงินรวม 141.49 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ City Park Condo อาคารบี จำนวน 210 หน่วย ซึ่งโครงการตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น ล่าสุด วานนี้ (19 ก.พ.) ทางธนาคารฯ ได้มีการแถลงข่าวการสนับสนุนสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังกับบริษัท กรีนเมโทร จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ ดิ เอนทรีโอ รูปแบบทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น จำนวน 170 ยูนิต ในจังหวัดอุดรธานี สามารถปิดการขายได้ทั้งหมด และพบว่า ในการสำรวจในจังหวัดอุดรธานี ยังมีความต้องการไม่ต่ำกว่า 3,000 หน่วย
นายวิชัย ประเสริฐสิทธิ์ ประธานกรรมการบริษัท กรีน เมโทร จำกัด ผู้พัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการแบรนด์ ดิ เอนทรีโอ กล่าวว่า โครงการที่เข้าร่วมเป็นเฟสแรก จำนวน 170 ยูนิต โดยได้รับวงเงินกู้จาก ธอส.จำนวน 50 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายการก่อสร้างโครงการบ้านล้านหลังในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย จ.อุดรธานี หนองคาย ขอนแก่น สกลนคร ร้อยเอ็ด และ จ.นครราสีมา รวม 1,200 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,400 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น