ไวรัสโคโรนาตอกฝาโลงเศรษฐกิจไทย คอนโดฯ ทรุดหนัก เอเยนต์ชาวจีนหายเงียบ แบ็กล็อกรอโอนกว่า 40,000 ล้านบาท ลุ้นหนาวๆ ร้อนๆ หวั่นชาวจีนทิ้งดาวน์ ด้านคอลลิเออร์สคาดจีนชะลอลงทุนอสังหาฯ ในไทยมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้าน
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผยว่า นับจากเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาในประเทศจีนและแพร่ระบาดในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบัน นักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักปีละประมาณ 10 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ นับจากที่รัฐบาลจีนห้ามไม่ให้บริษัททัวร์พาลูกค้าคนจีนออกนอกประเทศ ทำให้กรุ๊ปทัวร์ชาวจีนหายไปเกือบ 100% ส่งผลให้โรงแรมที่รับลูกค้าชาวจีนเป็นหลักลูกค้าหายไป 100% เช่นกัน โรงแรมบางแห่งเพื่อให้โรงแรมอยู่รอดต้องให้พนักงานหยุดงาน หรือสลับกันมาทำงาน
แม้ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเอง หรือ FIT ซึ่งกลุ่มนี้มีประมาณ 30% ของลูกค้าชาวจีนยังสามารถเดินทางออกมาท่องเที่ยวได้ แต่ก็มีน้อยลงมาก ทั้งนี้ หากสถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อไปจนถึงเดือนมีนาคมหรือเข้าสู่ไตรมาส 2 คาดว่านอกจากกระทบธุรกิจท่องเที่ยวอย่างหนักเนื่องจากไทยพึ่งพิงนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว ยังจะส่งผลกระทบลามไปยังธุรกิจอื่นอย่างแน่นอน ซึ่งต่างจากในอดีตสมัยที่เกิดโรคซารส์ ขณะนั้นชาวจีนมาเที่ยวไทยแค่ไม่ถึงล้านคน คนจีนลดไปแค่ 20-25% หรือประมาณ 200,000-300,000 คน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมาก แต่ปัจจุบันคนจีนมาเที่ยวไทยปีละ 10 ล้านคน การที่ชาวจีนหายไปย่อมส่งผลกระทบอย่างมากแน่นอน
โคโรนาทำทุนจีนชะงักลงทุนไทย 1.5 แสนล้าน
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนซื้ออสังหาฯ ในไทยของชาวจีนมีแนวโน้มอ่อนตัวลงนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2561 และเริ่มอ่อนตัวชัดเจนในปี 2562 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ชาวต่างชาติจะเลือกซื้อโครงการที่มีศักยภาพ อยู่ในทำเลที่ดี ให้ผลตอบแทนสูงไม่ซื้อแบบหว่านแหเช่นในอดีต
ส่วนวิกฤตโคโรนาเป็นผลกระทบที่เข้ามาซ้ำเติมตลาดที่ชะลอตัวอยู่แล้วให้ชะลอตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยมากกว่า 10 ล้านคนติดต่อกัน 2 ปีตั้งแต่ปี 2561 และ 2562 หากไม่สามารถควบคุมโรคได้และลากยาวไปถึงไตรมาส 2 จะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ 2.2 ล้านล้านบาท ยังไม่นับรวมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและภาคอสังหาฯ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าวิกฤตโคโรนาหากลากยาวไปจนถึงไตรมาส 2 จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม และประเมินว่า จะทำให้กลุ่มผู้ซื้อจะไม่มารับโอนและห้องชุด รวมไปถึงกลุ่มนักลงทุนที่เตรียมเข้ามาลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการไทยมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท ต้องหยุดชะงักการลงในช่วงไตรมาส 1/63
“การที่ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 1.0% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ถือเป็นการยอมรับแล้วว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศแย่จริงๆ และยิ่งมีไวรัสโคโรนามาซ้ำเติมถือเป็นการตอกฝาโลงเศรษฐกิจไทยไปเลย” นายภัทรชัย กล่าว
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปจนสิ้นไตรมาส 1 คาดว่าในปี 2563 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่มากที่สุดเพียง 35,000 ยูนิต จากเดิมที่คาดว่าจะมีโครงการเปิดตัวใหม่ที่ 35,000-40,000 ยูนิต ขณะที่ในปี 2561 มีโครงการเปิดใหม่ 66,000 ยูนิต ปี 2562 มีจำนวน 44,000 ยูนิต
ที่ผ่านมา พัทยาได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวรัสเซียหายจากปัญหาค่าเงิน ซึ่งก็ได้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาชดเชย จีนถือเป็นลูกค้าหลักของเมืองท่องเที่ยว และได้เดินทางไปเที่ยวในแถบหัวหิน ชะอำมากขึ้น จนทำให้มีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนพัฒนา 4-5 โครงการ มากกว่า 1,000 ยูนิต ขายแบบเช่าระยะยาวต่ออายุทุก 30 ปี ซึ่งพบว่ายังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักเลยเนื่องจากจีนปิดประเทศหลายเมือง