เชียงใหม่ - พิษไวรัสอู่ฮั่นระบาด..ทัวร์จีนยกเลิกจองห้องพักเชียงใหม่แล้วกว่า 5.5 หมื่นห้อง กรุ๊ปทัวร์หายเกลี้ยง-กลุ่ม FIT เหลือ 10-15% คาดเงินหายจากระบบไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้าน/เดือน ผวาวิกฤตยาวถึงไตรมาส 2 แถมเจอสารพัดปัญหากระหน่ำซ้ำ
วิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสปอดอักเสบอู่ฮั่น ที่แพร่ระบาดจากจีน ลามไปหลายประเทศทั่วโลกในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างหนัก โดยเฉพาะเชียงใหม่ ที่ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวจีน ที่ล่าสุดแทบจะกล่าวได้ว่านักท่องเที่ยวหายไปแทบเกลี้ยงเมืองแล้ว
นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ(ตอนบน) เปิดเผยว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับบริษัททัวร์ที่ทำตลาดจีนรายใหญ่ในเชียงใหม่ 5-6 ราย พบว่านับตั้งแต่รัฐบาลจีนประกาศมาตรฐานฉุกเฉินด้านสาธารณสุขขั้นสูงสุด-ห้ามชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศ ตั้งแต่ 24 ม.ค.63 เป็นต้นมา มีกรุ๊ปทัวร์แจ้งยกเลิกการจองห้องพักในเชียงใหม่ยาวไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาฯนี้ ไม่ต่ำกว่า 55,000 ห้องแล้ว
ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT ที่เดินทางมาเที่ยวกันเอง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70%ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดนั้น เดือนนี้ก็เหลือไม่ถึง 10-15%เท่านั้น และไม่มีบุ๊คกิ้งเข้ามาเพิ่มด้วย จะมีเพียงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากยุโรป-อเมริกา ที่ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวตามโปรแกรมที่วางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วเท่านั้น
นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ(ตอนบน) กล่าวอีกว่าสถานการณ์ดังกล่าวทำให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งมีอยู่ราว 8,000 ห้อง จากทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 60,000 ห้อง ณ เดือนนี้อยู่ในระดับ 40-50%เท่านั้น จากห้วงเดียวกันของปีก่อนๆ จะอยู่ในระดับ 85%เป็นอย่างต่ำ เพราะเดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นช่วงพีคของธุรกิจโรงแรมในเชียงใหม่
“ตอนแรกเราประเมินว่าวิกฤตนี้จะฟื้นตัวในไตรมาสแรกปีนี้ แต่จากสถานการณ์ต่างๆมีแนวโน้มว่าจะยาวไปจนถึงไตรมาส 2 ด้วย ซึ่งจะมีปัญหาจากฝุ่นควันที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอีก อาจจะทำให้ผลกระทบรุนแรงกว่านี้อีก ทางผู้ประกอบการจึงจะนัดหารือเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง”
ขณะที่นายมานพ แซ่เจีย นายกสมาคมมุคคุเทศก์ล้านนา ระบุว่านักท่องเที่ยวจีนที่ใช้บริการผ่านบริษัท ซึ่งมีสัดส่วนราย 30-40% ของนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดนั้น ณ วันนี้หายหมดทั้ง 100% ขณะที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวกันเอง มีอยู่ 60-70%ก็หายไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้วเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อไกค์ร่วมพันชีวิตที่ต้องตกงานไปโดยปริยายเพราะไม่มีลูกค้าเข้ามา
ด้านนายพรชัย จิตนวเสถียร อดีตประธานสภาธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ระดมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวหารือถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ท่ามกลางวิกฤตที่ถาโถมเข้ามา ระบุว่าจากการประชุมร่วมองค์กรภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่เรื่อง"วิกฤติต่างๆที่ส่งผลต่อวิกฤติทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่และการเสนอทางออกถึงมาตรการบรรเทาแก้ปัญหา"นั้น
พบว่าการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ต้องประสบกับภาวะถดถอยจากปี 62 ที่เกิดปัญหาหมอกควันพิษยาวนานที่สุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ,ปัญหาสงครามการค้าและส่งผลต่อเนื่องถึงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยมีราคาสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่ถดถอย-ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินที่ล่าช้า ส่งผลกระทบโดยตรงกับกลุ่มการประชุม ท่องเที่ยวศึกษาดูงานจากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ลดลงอย่างมากในจังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่ปี 2563 ช่วงไฮซีซัน ก็ต้องเผชิญปัญหาการยกเลิกและชลอการท่องเที่ยวจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอิหร่าน รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซา ปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลทำให้เงินหมุนเวียนในภาคการเกษตรลดลง ปัญหางบประมาณที่ล่าช้า กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังมีปัญหาหมอกควันพิษที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นครั้งแรกในรอบ 724 ของเมืองเชียงใหม่ และปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวจีนหายไป 10,000 คนต่อวัน ทำให้เม็ดเงินหายจากระบบเศรษฐกิจเชียงใหม่กว่า 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งยังกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตการเดินทางทุกประเภทตั้งแต่ รถยนต์โดยสาร รถไฟและเครื่องบิน ส่งผลโดยตรงต่อการชะงักงันหรือหยุดนิ่งกับการใช้จ่ายเงินในระบบเศรษฐกิจในเกือบทุกประเภทธุรกิจ และยังส่งผลกับการลดลงของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในทุกตลาดด้วย