หุ้นไทยปิดลบ 11.31 จุด สวนทางภูมิภาค หลังไร้ปัจจัยใหม่หนุน กังวลเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ ขณะที่แรงขายหุ้นแบงก์ถ่วงตลาด แนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดดัชนีน่าจะเริ่มทรงตัวได้หลังจากที่ปรับลงแรงวันนี้ ภายใต้ปัจจัยกดดันที่ไม่ได้เด่นชัดนักน่าจะทำให้ภาพตลาดเริ่มทรงตัวได้ และแกว่งตัวออกด้านข้าง
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยมีทิศทางไม่ค่อยดีนัก แม้ Sentiment ต่างประเทศไม่ได้แย่ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับสวนทางภูมิภาคอย่างชัดเจน จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะชะลอตัวกว่าที่คาด ท่ามกลางแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ยังคงมีอยู่ และปัจจัยบวกจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ปลดล็อกจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว หากสามารถผ่านการลงมติของสภาฯ และนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ใน 1-2 สัปดาห์ ก็คาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือน มี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,523.93 จุด ลดลง 11.31 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.74% มูลค่าการซื้อขาย 52,619.14 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ ดัชนีน่าจะเริ่มทรงตัวได้หลังจากที่ปรับลงแรงวันนี้ ภายใต้ปัจจัยกดดันที่ไม่ได้เด่นชัดนักน่าจะทำให้ภาพตลาดเริ่มทรงตัวได้ และแกว่งตัวออกด้านข้าง มีแนวรับที่ 1,510 จุด และแนวต้านที่ 1,530 จุด
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงสวนทางตลาดภูมิภาค เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่หนุน หลังจากสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับตัวขึ้นมาพอสมควรจากคาดว่าความรุนแรงของสถานการณ์ไวรัสโคโรนาเริ่มลดลง และกรณีการปลดล็อกร่างกฎหมายงบประมาณปี 63 ของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามตลาดมีความกังวลต่อภาพการอ่อนแอของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 4/62 ที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/62 ของไทยที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้เมื่อมองไปข้างหน้าในไตรมาส 1/63 และช่วงครึ่งแรกของปี 63 เศรษฐกิจไทยก็ยังมีทิศทางที่อ่อนแอรับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ที่มีความล่าช้า โดยยังต้องติดตามสภาผู้แทนราษฎร ที่จะโหวตร่างกฎหมายงบประมาณปี 63 ในวาระ 2 และ 3 วันที่ 13 ก.พ.นี้ด้วย ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าหลายหน่วยงานก็คงจะปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปี 63 ลงจากเดิมคาดว่าเติบโตราว 2.8% มาอยู่ที่ราว 2.2-2.3% ซึ่งกดดันดัชนีไม่ให้รีบาวด์ได้มากนัก โดยมองว่าอัพไซด์ของดัชนีหุ้นไทยจะยังจำกัดอยู่ในกรอบ 1,540-1,550 จุด
สำหรับแรงขายหุ้นที่มีออกมากดดันดัชนีในวันนี้ อยู่ในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ที่ยังกังวลต่อราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และค่าการกลั่นที่ยังไม่ได้อยู่ในระดับปกติมากนัก แม้ในช่วงนี้ค่าการกลั่นจะขยับขึ้นก็ตาม รวมถึงมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ จากความกังวลต่องบประมาณปี 63 ที่ล่าช้าและทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำ อีกทั้งยังมีประเด็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับแนวทางการคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมของสถาบันการเงินช่วงไตรมาส 3/63 ทำให้เป็นแรงกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนีจะแกว่งไซด์เวย์ ออกด้านข้าง โดยมีกรอบแนวรับที่ 1,510-1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,540-1,550 จุด