แลนดี้ โฮมฯ กางแผนปี 63 ลุยขยายตลาดสร้างบ้าน 2 ล้านบาทต้นๆ ตอบโจทย์ความต้องการและกำลังซื้อ พร้อมเจาะเพิ่มบ้าน 15 ล้านบาทขึ้นไป จับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก หวังครอบคลุมตลาดทุกเซกเมนต์ ตั้งเป้ายอดขายโตไม่ต่ำกว่า 10% จากยอดขายรวม 1,800 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
น.ส.พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 63 บริษัทตั้งเป้าว่าจะรุกขยายตลาดให้ครบทุกเซกเมนต์ ผ่านการทำดิจิทัล ทรานฟอร์เมชัน และตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 10% จากปี 62 โดยในปีนี้ แลนดี้โฮมฯ จะเน้นเจาะตลาดระดับราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท โดยเน้นไปที่บ้านระดับราคา 2 ล้านบาทต้นๆ จากเดิมเน้นระดับราคา 2 ล้านบาทปลายๆ ไปถึง 4.5 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องพฤติกรรมและกำลังซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะเริ่มต้นในพื้นที่ราชบุรี สระบุรี นครราชสีมา และยังมีแผนจะขยายต่อยอดไปในจังหวัดใกล้เคียง
ขณะเดียวกัน จะขยายกลุ่มตลาดสร้างบ้านระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าในตลาดดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเจ้าของกิจการ sme ทั้งนี้ ในการขยายตลาดระดับราคา 2 ล้านบาทต้นๆ และกลุ่มตลาดลักชัวรี ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป ในปีนี้จะมีการรีแบรนด์สินค้าทั้ง 2 กลุ่ม และการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน จะมีการรีโนเวตสาขา เพิ่มทีมงานขาย เพื่อให้บริการมีความครอบคลุมมากขึ้น
"ในปี 62 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 1,800 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 61 แบ่งเป็นยอดขายจากพื้นที่กรุงเทพฯ 80% และต่างจังหวัด 20% โดยมาจากกลุ่มบ้านหลังเล็กระดับราคา 4-5 ล้านบาท 40% กลุ่มบ้านขนาดกลางระดับราคา 5-15 ล้านบาท 40% และกลุ่มบ้านลักชัวรี ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป 20%"
สำหรับตลาดรวมรับสร้างบ้านในปี 62 จากข้อมูลของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านที่ระบุว่า ตลาดรวมมีมูลค่า 12,500 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 61 ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการทำโปรโมชันส่งเสริมการขาย การจัดงานแสดงสินค้า และการขยายตัวของตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด
น.ส.ภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงมีโอกาสเติบโตในปี 63 โดยบริษัทเตรียมใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมการตลาด เช่น การออกบูทรถโชว์ในรูปแบบทันสมัยด้วยการนำดิจิทัลเข้ามาทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจในแบบบ้านได้มากขึ้น การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค
ในปีนี้บริษัทเตรียมรุกตลาดรับสร้างบ้านทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดด้วยการนำเสนอแบบบ้านใหม่กว่า 20 แบบ จากเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า 300 แบบ โดยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมุ่งขยายตลาดบ้านระดับราคา 15-40 ล้านบาทเจาะกลุ่มเจ้าของธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการบ้านขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม ขณะที่ในตลาดต่างจังหวัด เตรียมเปิดตัว trendy Home ราคาเริ่มต้น 2-5 ล้านบาท
นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างและบริหารสำนักงาน กล่าวว่า บริษัทได้ตอกย้ำการเป็นบริษัทรับสร้างบ้านอันดับ 1 ของประเทศด้วยการคิดค้นและพัฒนาระบบ workflow โปรแกรมติดตามงานแบบอัจฉริยะที่ทันสมัย ช่วยสร้างประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการบริการให้ลูกค้าในทุกขั้นตอนการก่อสร้างจนถึงลูกค้ารับมอบบ้านเป็นที่เรียบร้อย
น.ส.พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 63 บริษัทตั้งเป้าว่าจะรุกขยายตลาดให้ครบทุกเซกเมนต์ ผ่านการทำดิจิทัล ทรานฟอร์เมชัน และตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 10% จากปี 62 โดยในปีนี้ แลนดี้โฮมฯ จะเน้นเจาะตลาดระดับราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาท โดยเน้นไปที่บ้านระดับราคา 2 ล้านบาทต้นๆ จากเดิมเน้นระดับราคา 2 ล้านบาทปลายๆ ไปถึง 4.5 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องพฤติกรรมและกำลังซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะเริ่มต้นในพื้นที่ราชบุรี สระบุรี นครราชสีมา และยังมีแผนจะขยายต่อยอดไปในจังหวัดใกล้เคียง
ขณะเดียวกัน จะขยายกลุ่มตลาดสร้างบ้านระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าในตลาดดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเจ้าของกิจการ sme ทั้งนี้ ในการขยายตลาดระดับราคา 2 ล้านบาทต้นๆ และกลุ่มตลาดลักชัวรี ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป ในปีนี้จะมีการรีแบรนด์สินค้าทั้ง 2 กลุ่ม และการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน จะมีการรีโนเวตสาขา เพิ่มทีมงานขาย เพื่อให้บริการมีความครอบคลุมมากขึ้น
"ในปี 62 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 1,800 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 61 แบ่งเป็นยอดขายจากพื้นที่กรุงเทพฯ 80% และต่างจังหวัด 20% โดยมาจากกลุ่มบ้านหลังเล็กระดับราคา 4-5 ล้านบาท 40% กลุ่มบ้านขนาดกลางระดับราคา 5-15 ล้านบาท 40% และกลุ่มบ้านลักชัวรี ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป 20%"
สำหรับตลาดรวมรับสร้างบ้านในปี 62 จากข้อมูลของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านที่ระบุว่า ตลาดรวมมีมูลค่า 12,500 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 61 ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการทำโปรโมชันส่งเสริมการขาย การจัดงานแสดงสินค้า และการขยายตัวของตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัด
น.ส.ภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงมีโอกาสเติบโตในปี 63 โดยบริษัทเตรียมใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมการตลาด เช่น การออกบูทรถโชว์ในรูปแบบทันสมัยด้วยการนำดิจิทัลเข้ามาทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจในแบบบ้านได้มากขึ้น การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค
ในปีนี้บริษัทเตรียมรุกตลาดรับสร้างบ้านทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดด้วยการนำเสนอแบบบ้านใหม่กว่า 20 แบบ จากเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า 300 แบบ โดยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมุ่งขยายตลาดบ้านระดับราคา 15-40 ล้านบาทเจาะกลุ่มเจ้าของธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการบ้านขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม ขณะที่ในตลาดต่างจังหวัด เตรียมเปิดตัว trendy Home ราคาเริ่มต้น 2-5 ล้านบาท
นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างและบริหารสำนักงาน กล่าวว่า บริษัทได้ตอกย้ำการเป็นบริษัทรับสร้างบ้านอันดับ 1 ของประเทศด้วยการคิดค้นและพัฒนาระบบ workflow โปรแกรมติดตามงานแบบอัจฉริยะที่ทันสมัย ช่วยสร้างประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการบริการให้ลูกค้าในทุกขั้นตอนการก่อสร้างจนถึงลูกค้ารับมอบบ้านเป็นที่เรียบร้อย
