บล.ภัทรปรับลดประมาณการจีดีพีปี 63 เหลือ 2.2% หลังยังเผชิญปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะการระบาดของไวรัสโคโรนาและการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า พร้อมคาด กนง.วันนี้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการหัวหน้าเศรษฐศาสตร์ และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บล.ภัทรมองไตรมาส 1 ปีนี้ “ชวด” จากปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ การระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งจะกระทบต่อจีดีพี 1.5% ต่อเดือน จากการที่นักท่องเที่ยวลดลง พร้อมมองการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนามีความรุนแรงกว่าตอนเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส
ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ที่ขณะนี้มีความล่าช้าไปแล้ว 4 เดือน และมองว่าจะล่าช้าออกไปอีก ทำให้เม็ดเงินที่ควรเบิกจ่ายเข้าระบบช่วงต้นปีหายไป 260,000 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โดยเฉพาะไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้ นอกจากนี้ ภัยแล้งที่เกิดขึ้นยังทำให้ผลผลิตภาคเกษตรลดลงกระทบรายได้ภาคเกษตร ส่งผลต่อปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และภาคอุตสาหกรรมอาจต้องปรับลดกำลังการผลิตเพื่อประหยัดน้ำและรับต้นทุนของวัตถุดิบและการบริหารจัดการน้ำที่เพิ่มขึ้น จึงได้ปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2563 ลดลง จากเดิมคาดจะขยายตัว 2.8% เหลือ 2.2%
พร้อมกันนี้ ประเมินการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.วันนี้ (5 ก.พ.) จะได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและนโยบายการคลังที่มีข้อจำกัดอาจต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อประคองเศรษฐกิจในช่วงนี้ และหากสถานการณ์ปัจจัยลบยังไม่คลี่คลายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำกว่า 1.25% เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์
สำหรับผลดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรปี 2562 พบว่าธุรกิจฝ่ายตลาดทุนหลายส่วนได้รับประโยชน์จากความผันผวนในตลาด เช่น ธุรกิจการลงทุนของฝ่ายค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าสถาบัน ซึ่ง บล.ภัทรครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ธุรกิจวาณิชธนกิจที่มีธุรกรรมรายการใหญ่หลายรายการ เช่น AWC และธุรกิจ Wealth Management และธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ 600,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 100,000 ล้านบาท
ขณะที่การดำเนินงานของธนาคารเกียรตินาคินปี 2562 สินเชื่อขยายตัว 4.2% จากสิ้นปี 2561 จากการขยายตัวสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยเกือบทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มีการหดตัว ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 4% ลดลงจากสิ้นปี 2561 ที่อยู่ที่ 4.1% โดยปี 2563 ธนาคารเกียรตินาคินคาดว่าจะมีสินเชื่อของธนาคารเติบโตได้ในช่วง 7-9%