xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นการบิน - โรงแรม เฮรับครม.กระตุ้นท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - หุ้นสายการบิน - โรงแรม ท่องเที่ยวเฮ หลัง ครม.ไฟเขียวลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เอกชนนำรายจ่ายท่องเที่ยวลดหย่อยภาษี โบรกเกอร์ ระบุ AAV เด่นสุด ประเมินส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้นราว 250 ล้านบาท ขณะที่ BA เพิ่มขึ้นราว 133 ล้านบาท ส่วนกลุ่มโรงแรมคาด ERW, CENTEL , MINT ฟื้นรับข่าว โดยคงน้ำหนักการลงทุนสำหรับกลุ่มท่องเที่ยว เท่ากับตลาด แนะนำ wait and see โดยรอดูสถานการณ์ที่คลี่คลายมากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นบวกรับถ้วนหน้า

วานนี้ (4 ก.พ.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น (น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินฯ) โดยปรับลดจากเดิม 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 20 สตางค์ต่อลิตร เป็นการชั่วคราว รวมระยะเวลา 8 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้ถึงวันที่ 30 กันยายน และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจการโรงแรม โดยให้บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ประกอบกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สามารถนำรายจ่ายที่ได้จ่ายจริง เพื่อการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นเกี่ยวเนื่อง แต่ไม่ใช่การซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม เป็นจำนวน 1.5 เท่าของรายจ่ายตามจำนวนที่จ่ายจริง โดยกำหนดเริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2563

ฝ่ายวิจัย บล.เคทีบี ประเมินว่าหุ้นสายการบินและโรงแรม ที่ได้รับประโยชน์จากการมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในส่วนของกระทรวงการคลัง ทั้งลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินจาก 4.70 บาท/ลิตร เป็น 0.20 บาท/ลิตร เป็นการชั่วคราว และการกระตุ้นให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ได้แก่ มาตรการไทยเที่ยวไทยช่วยชาติจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.63 โดยเปิดให้บริษัทห้างร้าน ที่มีการจัดประชุมสัมมนา พนักงานในพื้นที่ต่างจังหวัด สามารถนำค่าใช้จ่ายหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว สามารถนำค่าใช้จ่ายปรับปรุงสถานที่มาลดหย่อนภาษีได้ถึง 1.5 เท่า

"เรามองเป็นบวกมากขึ้นต่อกลุ่มสายการบิน โดยหาก ครม.อนุมัติการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบินแล้ว คาดว่าสายการบินจากมีการปรับลดค่าตั๋วโดยสารกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะลดผลกระทบจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงจากความกังวลจากไวรัสโคโรนา"

ขณะที่ระยะเวลาที่จะปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินชั่วคราวจะดีกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะอยู่ประมาณ 3 - 6 เดือน โดยการเก็บภาษีสรรพสามิตจะเก็บเฉพาะสายการบินที่เติมน้ำมันในประเทศ ดังนั้น สายการบินที่มีเที่ยวบินในประเทศจะได้ประโยช์มากกว่า ได้แก่ NOK, AAV, BA ส่วน THAI จะได้ประโยชน์น้อยกว่าเนื่องส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ

AAV - BA กำไรเพิ่มขึ้น 250 ลบ.และ 133 ลบ. / คงน้ำหนักลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว


ทั้งนี้ได้ประเมินผลกระทบจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน ซึ่งหากมีการปรับลดชั่วคราว 7 เดือนประเมินว่าส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิปีนี้ของ AAV เพิ่มขึ้นราว 250 ล้านบาท และ BA เพิ่มขึ้นราว 133 ล้านบาท คาดว่าข่าวดังกล่าวจะทำให้หุ้น AAV ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นได้ต่อ (วานนี้ +5.17%) ยังแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท ขณะที่กรณีมีข่าวแอร์เอเชียกรุ๊ป ในประเทศมาเลเชีย (กลุ่มแอร์เอเชียกรุ๊ป ถือหุ้นในสายการบินไทยแอร์เอเชีย 45%) มีข่าวรับเงินสินบนจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทแอร์บัส เพื่อให้มีการซื้อเครื่องบินของแอร์บัส เราคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ AAV แต่อาจมีผลต่อการประเมินคะแนนในส่วนของ CG Score และ ESG ซึ่งการจะกระทบต่อการลงทุนจากนักลงทุนสถาบัน

ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศโดยเฉพาะการนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษี จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระจากสถานการณ์โคโรนาที่มีความรุนแรงมากขึ้น และช่วยลดผลกระทบต่อผลประกอบการใน Q1/63 ที่จะปรับตัวลดลงมาก หากวันนี้ ครม. อนุมัติโครงการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อกลุ่มโรงแรมในประเทศมากกว่า ERW, CENTEL และ MINT (เรียงจากมาก-น้อยตามสัดส่วนโรงแรมในประเทศไทย)

โดยยังคงน้ำหนักการลงทุนสำหรับกลุ่มท่องเที่ยว เท่ากับตลาด แนะนำ wait and see โดยรอดูสถานการณ์ที่คลี่คลายมากขึ้น โดยอิงจากจำนวนผู้เสียชีวิตหากเริ่มลดลงได้ค่อยกลับเข้าไปซื้อ

ราคาหุ้นการบิน -โรงแรม บวกรับถ้วนหน้า

ด้านราคาหุ้นกลุ่มสายการบิน และโรงแรม ต่างปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าว ปิดตลาดเมื่อวานนี้ ราคาหุ้น AAV ปิดที่ 2.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.19 บาท หรือ 10.38% มูลค่าการซื้อขาย 267.59 ล้านบาท หุ้น BA ปิดที่ 5.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.74% มูลค่าการซื้อขาย 13.07 ล้านบาท หุ้น THAI ปิดที่ 5.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.77% มูลค่าการซื้อขาย 28.71 ล้านบาท หุ้น NOK ปิดที่ 1.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 1.57% มูลค่าการซื้อขาย 1.37 ล้านบาท


หุ้น CENTEL ปิดที่ 22.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 3.77% มูลค่าการซื้อขาย 151.27 ล้านบาท หุ้น ERW ปิดที่ 4.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือ 5.14% มูลค่าการซื้อขาย 138.84 ล้านบาท และหุ้น MINT ปิดที่ 32.50 บาท เพิ่้มขึ้น 2.00 บาท หรือ 6.56% มูลค่าการซื้อขาย 743.39 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น