ASPS เล็งลดเป้ากำไร บจ.ปี 63 รับผล ศก.มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่าคาด พร้อมคาดผลจากไวรัสโคโรนากระทบฉุด SET อยู่ในโหมดปรับฐาน
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะปรับลดประมาณการตัวเลขกำไรสุทธิ และกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปี 63 อย่างเป็นทางการ หลังการประกาศงบการเงินงวดปี 62 สิ้นสุด ขณะที่เบื้องต้นได้ปรับลดคาดการณ์กำไร บจ.ในปี 63 จาก 1 ล้านล้านบาท เหลือ 9.68 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น EPS ที่ระดับ 92.62 บาท/หุ้น ยังเติบโตเล็กน้อย 0.5% เมื่อเทียบกับ EPS ปี 62
แนวโน้มการปรับลดกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP Growth) ในปีนี้มีโอกาสสูงว่าจะขยายตัวได้ต่ำกว่าประเมิน หลังเศรษฐกิจโลกชะลอตัวชัดเจนจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนยังคงอยู่ รวมถึงภายในประเทศยังมีความล่าช้าการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ภาวะภัยแล้ง และภาคการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
"ประเด็นดังกล่าวถือเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น น่าจะทำให้ SET Index ยังอยู่ในช่วงปรับฐานต่อไป ระยะสั้นมี 1,500 จุดเป็นแนวรับ" นายเทิดศักดิ์กล่าว
นายเทิดศักดิ์กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 63 ที่มีโอกาสสูงว่าจะขยายตัวได้ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินไว้ที่ 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ Consensus คาดการณ์กันช่วง 2.7-3.2% โดยมีปัจจัยกดดันจากการส่งออกไทยที่ปีนี้ยังกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวชัดเจนจากไวรัสโคโรนา และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังไม่ได้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีรอบ 1-3 และความเสี่ยงที่สหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ไทย
นอกจากนี้ การบริโภคครัวเรือนยังถูกกระทบจากภัยแล้งในปีนี้ ที่คาดว่าจะเผชิญแล้งมากสุดในรอบ 40 ปี ทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง กระทบรายได้ของเกษตรกร และกำลังซื้อของกลุ่มฐานราก รวมถึงภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
การเบิกจ่ายงบลงทุนที่ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพันกระทบลงทุนภาครัฐ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ไว้วินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประเด็น ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้ากว่าเดิม คาดเริ่มเบิกจ่ายเดือน ก.พ. 63 ยิ่งช้ายิ่งกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมาก
ทั้งนี้ เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกรณีสมมติฐานปรับลงจากคาดเดิมจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 2.5% ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี และเมื่อย้อนมาดูปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยพบว่ามีปัจจัยลบรอบด้านเข้ามากระทบ บวกกับ Fund Flow ที่ยังไหลออกต่อเนื่อง ล่าสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้มียอดขายสุทธิ 1.73 หมื่นล้านบาท กดดันให้ SET Index ปรับฐานลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี
นอกจากนี้ มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบทางลบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 เรื่องสัญญาเช่า ซึ่งมีผลต่อทั้งงบกำไรขาดทุน และโครงสร้างการเงิน รวมทั้งยังมีกลุ่ม Real Sector บางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
สำหรับประมาณการเดิมของฝ่ายวิจัยฯ นั้น คาดกำไรสุทธิงวดปี 63 ของบริษัทจดทะเบียนจะอยู่ที่ราว 1 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 95.7 บาท/หุ้น แต่เบื้องต้นจากการที่ฝ่ายวิจัยฯ ได้ทำ Earning Preview และพบว่ามีการปรับลดประมาณการกำไรปี 63 ลงในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ 10 แห่ง แบ่งเป็น กลุ่มแบงก์พาณิชย์, ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, กลุ่ม ICT และสนามบิน ส่งผลให้คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 63 ลดลงเหลือ 9.68 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น EPS ที่ระดับ 92.62 บาท/หุ้น