บอร์ด ก.ล.ต.ไฟเขียวเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ระดมทุนได้ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง และเสนอขายหุ้นให้แก่นักลงทุนวงจำกัดและผู้ลงทุนทั่วไป พร้อมเปิดโอกาสให้เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองได้ โดยไม่ต้องงยื่นคำขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลของกิจการและงบการเงินตามที่กำหนด
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ประจำเดือนมกราคม 2563 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบเกณฑ์เปิดทางเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพระดมทุนได้ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง ซึ่งบอร์ด คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพออกและเสนอขายหุ้นแก่ผู้ลงทุนในวงจำกัดและผู้ลงทุนทั่วไป และเปิดโอกาสให้นำหุ้นไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองได้ โดยเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่เป็นบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งมีผลการดำเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือมีมูลค่ากิจการระดับหนึ่งแล้ว สามารถระดมทุนและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดรองได้โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. แต่ต้องเปิดเผยข้อมูลของกิจการและงบการเงินตามที่กำหนด และผู้ลงทุนต้องมีลักษณะต่อไปนี้
(1) ผู้ลงทุนสถาบัน กิจการเงินร่วมลงทุน นิติบุคคลร่วมลงทุน ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ
(2) กรรมการและพนักงานของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ หรือบริษัทในเครือ
(3) ผู้ลงทุนที่มีประกาศนียบัตรวิชาชีพที่แสดงถึงความรู้ด้านการเงินและการลงทุน (professional license)
(4) ผู้ลงทุนทั่วไปที่มีความรู้และประสบการณ์การลงทุนโดยมีเงินลงทุนโดยตรงในหุ้นเฉลี่ยตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปในรอบ 12
เดือนล่าสุด
ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องหลักเกณฑ์ภายในไตรมาส 1 ปี 2563 ในส่วนการจัดตั้งตลาดรองเพื่อรองรับการจดทะเบียนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างประชุมหารือเรื่องรูปแบบตลาดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
2. คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง ซึ่งคณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นกู้แบบคราวฟันดิง กรณีมีผู้จองซื้อถึงร้อยละ 80 ของจำนวนเงินที่ตั้งไว้ โดยไม่ต้องยกเลิกการเสนอขายหากได้ไม่ครบร้อยละ 100 แต่ผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง (Funding Portal) เปิดเผยและแจ้งเงื่อนไข ที่จะไม่ยกเลิกการเสนอขายให้ผู้ลงทุนทราบก่อนจองซื้อ เพื่อลดข้อจำกัดตามเกณฑ์เดิมที่กำหนดว่าหากได้เงินไม่ครบจำนวนที่ตั้งไว้ต้องยกเลิกการเสนอขาย (All-or-nothing)* ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวสอดคล้องกับการกำกับดูแลในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ Funding Portal มีระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของ ก.ล.ต. เพื่อสร้างมาตรฐานและแนวทางในการประกอบธุรกิจให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
3. คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนดำเนินธุรกิจบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมให้บริษัทที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนดำเนินธุรกิจบนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนี้
(1) กำหนดให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (IPO) ต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะมีผลใช้บังคับในปี 2564
(2) กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่จะ IPO เปิดเผยข้อมูลดังต่อไปนี้
(2.1) การปล่อยก๊าซเรือนกระจก : บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One report) ตั้งแต่รอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564 และบริษัทที่จะ IPO เริ่มเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในปี 2564 ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมและลดภาระของภาคเอกชน ก.ล.ต. จะหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประสานกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในการจัดอบรมให้ความรู้แก่ภาคเอกชนต่อไป (2.2) การเคารพสิทธิมนุษยชน และการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลใน One report ตั้งแต่รอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564 สำหรับบริษัทที่จะ IPO เริ่มเปิดเผยข้อมูลในปี 2565
ทั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางความตกลงปารีส (Paris Agreement) และระดับชาติตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 สำหรับเป้าหมายที่จะบรรลุการลดก๊าซเรือนกระจก และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562 – 2565) (National Action Plan : NAP) ของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs)