“คลัง” เดินหน้าตรวจสอบทุจริตที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ผ่านกระเป๋า 2 ทั้ง 1 พันราย หากพบรายใดกระทำผิดจะถูกขึ้นบัญชีดำและตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการกับรัฐบาลในอนาคต ส่วนโครงการชิมช้อปใช้ ระยะ 4 อยู่ระหว่างการศึกษา ยังไม่กำหนดระยะเวลาดำเนินมาตรการ เหตุยังมีอีกหลายเทศกาลที่จะใช้กระตุ้นการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 ได้
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้และต้องสงสัยเข้าข่ายกระทำการทุจริตในการใช้จ่ายเงินผ่านกระเป๋า 2 จำนวน 1,000 แห่งว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีกรณีที่ร้านค้าได้โอนเงินให้แก่ผู้ซื้อเพื่อใช้ซื้อสินค้าในร้าน ซึ่งหากซื้อสินค้าครบ 5 หมื่นบาทจะได้รับเงินคืน (Cash Back) จากรัฐบาลในสัดส่วน 20% หรือ 8,500 บาท โดยร้านค้าและผู้ซื้อสินค้าได้ทำข้อตกลงที่จะนำเงิน Cash Back ดังกล่าวที่ได้รับจากรัฐบาลมาแบ่งกันเอง นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ยังพบว่ามียอดการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าที่สูงอย่างผิดปกติ ทำให้กระทรวงการคลังต้องชะลอการจ่ายเงิน Cash Back สำหรับการใช้จ่ายเงินผ่านกระเป๋า 2 ของร้านทั้ง 1 พันแห่งออกไปก่อนจนกว่าการตรวสอบจะแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังการตรวจสอบพบการทุจริตของร้านค้าแล้ว กระทรวงการคลังจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบข้อมูลซ้ำอีกครั้ง แต่หากพบว่าร้านค้าไม่ได้มีการทุจริตแล้ว กระทรวงการคลังจะจ่ายเงิน Cash Back คืนให้แก่ประชาชนผู้ซื้อสินค้าผ่านการใช้เงินจากกระเป๋า 2 ต่อไป แต่หากตรวจพบมีการทุจริตจริง ประชาชนที่ใช้สิทธิจะไม่สามารถขอเงินคืนจากกระทรวงการคลังได้ ส่วนร้านค้าที่กระทำการทุจริตนั้นจะถูกขึ้นบัญชีดำและถูกสั่งห้ามเข้าร่วมกับโครงการใดๆ ในอนาคตของรัฐบาลอีก
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ สศค. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การทุจริตที่ตรวจพบในครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินมาตการชิมช้อปใช้ในระยะที่ 4 ที่ สศค. กำลังศึกษาตามที่ได้รับมอบหมายจากนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เนื่องจากเป็นคนละส่วนกัน โดยสิ่งที่กระทรวงการคลังต้องการจะเห็นในมาตรการชิมช้อปใช้ 4 คือ ทำอย่างไรที่จะสนับสนุนให้ได้ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 12.8 ล้านรายยังมีการใช้จ่ายเงินผ่านกระเป๋า 2 ได้อยู่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผลการพิจารณาดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร อีกทั้งยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เนื่องจากยังมีอีกหลายเทศกาลที่สามารถร่วมกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 ได้อีก