“กรมธนารักษ์-กฟผ.” ลงนามคืนที่ราชพัสดุบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลบางส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กว่า 1.6|หมื่นไร่ หวัง นำไปใช้ทำโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ตามนโยบายขรัฐบาล “อธิบดีกรมธนารักษ์” ตั้งเป้าปี 63 เตรียมจัดการผู้บุกรุกที่ราชพัสดุจำนวน 5 หมื่นราย ในพื้นที่เป้าหมายที่ จ.กาญจนบุรี, จ.ราชบุรี, จ.สุพรรณบุรี, และ จ. นครสวรรค์
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งมอบที่ราชพัสดุบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล (บางส่วน) ในเขตพื้นที่อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด และอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนที่สูงเหนือกว่าระดับ 260.50 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) ตามแนวเขตหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินในที่ราชพัสดุ จำนวน 7 ฉบับ เนื้อที่ประมาณ 16,193-2-03 ไร่ ซึ่งกรมธนารักษ์จะนำที่ดินแปลงดังกล่าว ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลด้านการบริหารทรัพย์สินของประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม เพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ ภายใต้โครงการ“ธนารักษ์ประชารัฐ” โดยดำเนินการสำรวจรังวัด จัดทำแผนที่ผู้ครอบครองที่ราชพัสดุที่ไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์ ซึ่งครอบครองอยู่ก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 ด้วยการจัดให้เช่าที่ถูกต้อง อันเป็นการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของประชาชน
อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากการส่งมอบพื้นที่ กรมธนารักษ์จะดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ กฟผ. เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตที่ราชพัสดุและข้อมูลจำนวนราษฎรที่ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าว จำนวน 5,000 ราย ในเขตพื้นที่อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด และอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็น “ผู้เช่า” ที่ราชพัสดุถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ การคิดอัตราค่าเช่าดังกล่าวนั้นจะมีราคาไม่แพง ซึ่งหากเป็นที่อยู่อาศัยจะคิดราคา 25 สตางค์ต่อเดือนต่อตารางวา และหากเป็นที่ดินเกษตรแล้วจะคิดค่าเช่า 200 บาทต่อไร่ โดย กรมธนารักษ์คาดว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 63
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังย้ำด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการหารือเพื่อขอคืนที่ราชพัสดุกับหน่วยงานราชการอื่นๆ เพื่อนำมาใช้จัดสรรให้แก่ประชาชน โดยในปี 63 ตั้งเป้าแก้ไขปัญหาผู้บุกรุกที่ราชพัสดุ 50,000 ราย ซึ่งมีจำนวนพื้นที่หลายหมื่นไร่ ส่วนพื้นที่เป้าหมายที่จะดำเนินการ ได้แก่ จ.กาญจนบุรี, จ.ราชบุรี, จ.สุพรรณบุรี, และ จ. นครสวรรค์