"ซีพีเอฟ" ประกาศแผนปี 63 เน้นสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ขยายธุรกิจในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง รวมทั้งในประเทศอีก 17 ประเทศ ขณะที่ปีนี้ มั่นใจแนวโน้มผลงานยังไปได้สวย ด้านโบรกฯ ให้ Fair Value ที่ 35 บาท
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทฯ จะเน้นสร้างการขยายธุรกิจในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่เชื่อมั่นว่าผลดำเนินงานปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตที่ดี จากการลงทุนในประเทศและต่างประเทศอีก 17 ประเทศซึ่งมีอัตราเติบโตที่ดี
" ทิศทางการสร้างการเติบโตในปี 2563 ซีพีเอฟจะมุ่งสร้างการเติบโต รวมถึงขยายธุรกิจในประเทศที่มีศักยภาพ รวมทั้งใน 17 ประเทศที่บริษัทมีพื้นฐานอยู่แล้วหากมีโอกาส เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตมาก" นายอดิเรก กล่าว
ทั้งนี้ การเติบโตของบริษัทฯ ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในต่างประเทศ โดยรายได้ของบริษัทฯ กว่า 500,000 ล้านบาท นั้น กว่า 70% ของรายได้ มาจากธุรกิจลงทุนในต่างประเทศ 17 ประเทศ ที่เหลือเป็นรายได้จากการจำหน่ายในประเทศไทย 27-28% และเป็นรายได้จากการส่งออกไปต่างประเทศเพียง 5% เท่านั้น แม้ว่าการส่งออกจะได้ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท แต่บริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาจึงถือว่ามีความสมดุลกับยอดขายจากการส่งออก
เขากล่าวว่า ธุรกิจอาหารยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค แม้ว่าภาวะกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนตัว มองว่าประชาชนยังจำเป็นต้องบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ปลอดภัย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และชุมชน ส่งผลให้ผู้บริโภคให้การตอบรับสินค้าของซีพีเอฟเป็นอย่างดี
"ซีพีเอฟ เป็นผู้ผลิตอาหารโปรตีนราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็น ไก่ หมู กุ้ง ปลา ไข่ไก่ ล้วนเป็นอาหารพื้นฐานที่คนต้องบริโภค และที่สำคัญ การผลิตของบริษัทเป็นการผลิตแบบครบวงจร จึงเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบและสามารถเติบโตต่อเนื่อง" นายอดิเรกกล่าว
ขณะเดียวกัน นายอดิเรกยอมรับว่า ปัญหาภัยแล้งที่คาดว่าจะรุนแรงมากในปีหน้า น่าจะกระทบกับภาคการเกษตรอย่างแน่นอน เพราะน้ำเป็นปัจจัยหลักของทุกอย่าง แต่ในการผลิตปศุสัตว์ของซีพีเอฟ มีแหล่งน้ำอย่างเพียงพออยู่แล้ว ด้านราคาสินค้าที่คาดว่าวัตถุดิบจะมีราคาเพิ่มขึ้นนั้นถือว่าเป็นวงจรปกติของสินค้าเกษตร ทีอาจมีผลให้ต้นทุนของซีพีเอฟปรับขึ้นได้เล็กน้อย ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการผลิต การบริหารต้นทุน เน้นคุณภาพและบริการ
เอเซียพลัส ให้ Fair Value CPF ที่ 35 บาท
บทวิเคราะหลักทรัพย์ จาก บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ช่วงครึ่งหลังของเดือน ธ.ค. หุ้น CPFมักปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.0% (ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี) และมีบางปีปรับตัวขึ้นได้กว่า 7% มีปัจจัยบวกจากราคาสุกรปรับเพิ่มขึ้น 3.2% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 64 บาท/กก. หนุนจากการเข้าช่วงเทศกาลวันหยุดยาว นอกจากนี้ราคาสุกรในประเทศเวียดนามยังยืนสูงต่อเนื่องที่ระดับ 7 หมื่นดอง/กก. (96 บาท/กก.) ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากปัญหาสุกรขาดแคลน เพราะโรคอหิวาต์แอฟริการะบาดหนักในเวียดนาม ส่งผลบวกต่อโดยตรงต่อ CPF (สัดส่วนรายได้จากธุรกิจสุกรในเวียดนาม 7%) ที่ฟาร์มของตัวเองไม่ได้รับกระทบ ทำให้ได้ผลบวกจากราคาสุกรที่ปรับเพิ่มขึ้นเต็มที่ตั้งแต่งวด 4Q62 เป็นต้นไป
สำหรับราคาไก่ยังทรงตัวในระดับที่ดีต่อเนื่องที่ 36 บาท/กก. ฟื้นตัวจากทั้งการบริโภคในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดจีนที่เพิ่มขึ้น (นำเข้าไก่ทดแทนสุกรที่ขาดตลาด) และญี่ปุ่น (เพิ่มคำสั่งซื้อไก่ รองรับการจัดโอลิมปิกในปี 2563) ราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER ปี 2563 เพียง 12.2 เท่า และสามารถคาดหวัง Div yields เฉลี่ย 3% p.a.