รมว.คลังเผยเตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมตลาดทุนทั้งรัฐและเอกชน กำหนดหลักเกณฑ์และกรอบการระดมทุนสำหรับธุรกิจขนาดย่อมสำหรับวิสาหกิจชุมชน พร้อมคลอดกระดานเทรดใหม่ ขยายโอกาสและเชื่อมโยงเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “เศรษฐกิจฐานรากพลิกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย” ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 ํ ว่า จากการที่องค์กรเครือข่ายภาคีภาครัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคาร SME และ บมจ.ปตท. หรือ PTT ได้เข้ามาร่วมกันเปิดพื้นที่ให้วิสาหกิจชุมชนจากทั่วประเทศ เพื่อสื่อสารความเข้าใจให้ชุมชนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วประเทศเข้ามาร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศไทย โดยจะดำเนินงานผ่านกลไกการบูรณาการหลัก 3 ด้าน คือ การสร้างโอกาส ด้วยการสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งภาคเกษตรกรจะทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับองค์กรในระดับชุมชน
ขณะที่ในส่วนของการยกระดับคุณภาพวิสาหกิจชุมชนที่จะมีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย และต่อยอดการใช้งาน นำมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการแบบใหม่ได้ นอกจากนี้ด้านการตลาดที่จะมีการสร้างพื้นที่ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายให้สามารถเชื่อมโยงถึงกันในตลาดโลกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยพิจารณาตามกระบวนการผลิตและสร้างอาชีพแล้ว ก็จะต้องสร้างตลาดรองรับผลผลิตนั้นไปพร้อมๆ กันด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังได้วางหลักเกณฑ์ที่จะสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็ก ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการขยายกิจการได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเงินทุนเป็นส่วนสำคัญ เมื่อมีเทคโนโลยีแล้ว มีองค์ความรู้แล้ว แต่ถ้าขาดเงินทุนก็จะไม่สามารถพัฒนาการเติบโตของกิจการได้ ซึ่งขณะนี้สถาบันการเงินต่างๆ ของรัฐก็ได้มีการสร้างเครื่องมือที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นได้มีทางเลือกมากขึ้น ทั้งในส่วนของบ้าน หรือที่อยู่อาศัย ก็ได้มีการต่อยอดขึ้นมาจากโครงการเดิมที่รัฐได้มีการดำเนินงานไปแล้ว
นอกจากนี้ ในส่วนของภาคตลาดทุน ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ตลอดจนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมตลาดทุนได้มีการเข้ามาหารือร่วมกัน จากเดิมที่ตลาดทุนมีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่จดทะเบียนซื้อขายหุ้นใน SET และบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางซึ่งจดทะเบียนซื้อขายหุ้นอยู่ใน mai อยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรถึงจะขยายพื้นที่เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก เช่น Start Up, SMEs หรือแม้กระทั่ง Micro SMEs ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนได้สะดวก ไม่ใช่เพียงจำกัดอยู่ในกรอบกฎเกณฑ์เดิมเหมือนในอดีต และเมื่อผู้ประกอบการเหล่านี้มีธุรกิจที่เติบโตขึ้นแล้ว ก็สามารถที่จะขยับขยาย ยกระดับไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้
“กระทรวงการคลังได้มีการหารือกับทางตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูล และร่างโครงสร้างต้นแบบขึ้นมา ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการเอง และผู้ที่สนใจเข้าไปร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการเหล่านั้น เพื่อให้เกิดผลได้และไม่เกิดผลเสียที่จะตามมาในภายหลัง ซึ่งแพลตฟอร์มกลางนี้มีความน่าสนใจที่สามารถเชื่อมโยงไปยังการระดมทุนในระดับประเทศ และขยายตัวจากผู้ประกอบการรายเดิมออกไปยังผู้ประกอบการรายใหม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กเชื่อมโยงถึงกันทั้ง Start Up, SMEs, Micro SMEs หรือแม้กระทั่ง Vanture Capital ที่สนใจก็สามารถเข้ามาร่วมได้ ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการพบปะกันทั้งผู้ประกอบการ นักลงทุนที่สนใจทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้ต่างประเทศหลายๆ ประเทศก็ได้มีการเริ่มทำไปบ้างแล้ว เช่น จีน และสิงคโปร์ โดยจะกำหนดเป็นกระดานเทรดขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งกระดานนอกเหนือจาก SET และ mai โดยจะมีลักษณะการเข้าลงทุนที่เป็นรูปแบบเฉพาะภายใต้โครงข่ายที่ได้กำหนดขึ้น เชื่อว่าหลังปีใหม่ก็น่าจะแล้วเสร็จและเห็นโครงการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น”