xs
xsm
sm
md
lg

อภินิหารหุ้น MORE / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ภายในระยะเวลาเพียงเดือนเศษ หุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) MORE หรือหุ้นบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA เดิม ถูกลากขึ้นกว่า 200% สวนทางผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปีนี้ที่ขาดทุน  โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้ดำเนินมาตรการเตือนนักลงทุนแต่อย่างใด ทั้งที่ราคาและมูลค่าการซื้อขายเคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นปกติ

MORE เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาว กรณีพัวพันคดีการฉ้อโกงเงินดิจิทัล "บิท คอยน์" ของนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ เมื่อกลางปี 2561 โดยมีนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้บริหารโบรกเกอร์ชื่อดัง และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวข้องด้วย

ก่อนเกิดข่าวอื้อฉาวคดีฉ้อโกงเงินนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ หุ้น DNA มีการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรง โดยเพียงชั่ว 4 วันทำการ ถูกลากขึ้น 100% ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ แต่ระบบเตือนภัยของตลาดหลักทรัพย์ฯ กลับไม่ยอมทำงาน เพราะไม่มีการดำเนินมาตรการเตือนหรือมาตรการกำกับการซื้อขายแต่อย่างใด

หลังเกิดคดีฉ้อโกงเงินบิท คอยน์ ราคาหุ้น DNA ทรุดลง และเคลื่อนไหวอย่างสงบอยู่พักใหญ่ ก่อนมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยนายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ขายหุ้นสัดส่วน 15.05% ของทุนจดทะเบียนให้นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน)

ผลประกอบการ MORE ขาดทุนหนักต่อเนื่องหลายปี แต่ปี 2561 พลิกกลับมามีกำไร 115.82 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม งวด 9 เดือนแรกปีนี้ ผลประกอบการขาดทุน จำนวน 11.46 ล้านบาท โดยมียอดขาดทุนสะสม 900.71 ล้านบาท

ถ้าพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน MORE ไม่มีความโดดเด่น ค่า พี/อี เรโช ประมาณ 42 เท่า และไม่จ่ายเงินปันผลมายาวนาน แต่ราคากลับพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงจนน่าจับตา

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น MORE เคยทรุดลงไปที่ 12 สตางค์ และเป็นราคาต่ำสุดในรอบปี ก่อนจะเคลื่อนไหวแถว 15 สตางค์อยู่หลายเดือน จนกระทั่งวันที่ 22 ตุลาคมจึงเริ่มมีการจุดพลุไล่ราคา จาก 15 สตางค์ขยับขึ้นต่อเนื่องนับ 10 วันทำการ จนเมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน ขยับขึ้นมาปิดที่ 46 สตางค์

มูลค่าการซื้อขายจากวันละไม่กี่ล้านบาท ขยับขึ้นมาซื้อขายกันวันละร้อยล้านบาท โดยที่ไม่มีข่าวสนับสนุนอย่างชัดเจน และการขยับขึ้นอย่างร้อนแรงผิดปกติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรที่จะสอบถามไปยังบริษัทว่า มีข่าวหรือมีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานใดที่มีนัยสำคัญต่อราคาหุ้นหรือไม่

แต่ไม่มีการดำเนินการใดจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และไม่มีการพิจารณาใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย ปล่อยให้เกิดการจุดพลุเก็งกำไรหุ้น MORE นานนับเดือน

จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้น 3,360 ราย ถือหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 48.98% ของทุนจดทะเบียน โดยนายสามารถ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 21.99%

ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เหตุใดหุ้น MORE จึงขยับขึ้นแรง ทั้งที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกย่ำแย่ จึงได้แต่คาดเดากันว่า น่าจะมีนักลงทุนรายใหญ่อยู่เบื้องหลังการลากราคา และมีรายย่อยบางส่วนตามแห่เข้าไปเก็งกำไร

นักลงทุนขาใหญ่อาจถือหุ้นต้นทุนสูงไว้เต็มมือ จึงปล่อยให้หุ้นลงไม่ได้ และพยายามพยุงราคาหุ้น โดยแม้ตลาดหุ้นจะผันผวนหนัก แต่หุ้น MORE กลับแข็ง ราคาพุ่งขึ้นสวนทางดัชนีหุ้นที่ดิ่งลงเสียอีก

รายใหญ่อาจกำลังรอจังหวะให้รายย่อยตามแห่เข้าไปลุยหุ้น MORE อยู่ก็ได้ แต่ถ้ารายย่อยไม่หลวมตัวเข้าไปเก็งกำไร รายใหญ่ที่ลาก MORE ขึ้นมารอบนี้คงเจ็บหนัก






กำลังโหลดความคิดเห็น