"สตาร์เฟล็กซ์" คาดเคาะราคา IPO ช่วงต้น ธ.ค.62 หวังเข้าเทรด SET ก่อนสิ้นปีนี้ เผยช่วงราคาที่เหมาะสม 5.4-6.1 บาท/หุ้น เตรียมเดินสายโรด์โชว์ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.นี้ เริ่มจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และในวันที่ 2 ธ.ค.62 จะจัดโรดโชว์ที่กรุงเทพฯ และวันที่ 3 ธ.ค.62 ที่ จ.เชียงใหม่
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) เปิดเผยว่า SFLEX จะกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และกำหนดวันจองซื้อหุ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค.62 หลังจากบริษัทหลักทรัพย์ 9 แห่งออกบทวิเคราะห์ประเมินช่วงราคาเหมาะสมของหุ้น SFLEX ไว้ที่ 5.4-6.1 บาท/หุ้น พร้อมทั้งคาดว่าจะนำหุ้น SFLEX เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ได้ก่อนสิ้นปีนี้
บริษัทเตรียมนำ SFLEX ไปนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุน (โรดโชว์) ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.นี้ เริ่มจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และในวันที่ 2 ธ.ค.62 จะจัดโรดโชว์ที่กรุงเทพฯ และวันที่ 3 ธ.ค.62 ที่ จ.เชียงใหม่ โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากธุรกิจของ SFLEX เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ให้กับค่ายสินค้าระดับโลก เช่น ยูนิลีเวอร์, ไลอ้อน ประเทศไทย เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังศึกษาการออกผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับกระแสรักษ์โลกอยู่ตลอดเวลาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคต้องการเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้เร็วขึ้น SFLEX ก็มีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เนื่องจากบริษัทอยู่ในตลาดมาเป็นระยะเวลา 20 ปีแล้วผ่านการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคหลายสมัย เห็นได้จากบรรจุภัณฑ์ที่ปรับเปลี่ยนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
SFLEX มีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.83% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนจำนวน 99 ล้านหุ้น คิดเป็น 24.15% และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท จำนวน 11 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.68%
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 300 ล้านหุ้น ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วเป็น 410 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 410 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ด้านนายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร SFLEX กล่าวว่า บริษัทมีวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตฟิล์มประเภทที่ใช้ในการปิดผนึกขึ้นรูป (Sealant) ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ซึ่งจะทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และใช้ลงทุนสร้างคลังสินค้าทดแทนการเช่าคลังสินค้าในปัจจุบัน
พร้อมทั้งใช้คืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้ระยะยาวอยู่ที่ 130 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยลงได้ และน่าจะทำให้หลังเพิ่มทุนดังกล่าวอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 1.5 เท่า ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน