บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 19 ธ.ค.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,590 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SFLEX"
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาดผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดบรรจุภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "SFLEX" ในวันที่ 19 ธันวาคม 2562
SFLEX ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภคตามคำสั่งซื้อ รวมถึงมีการวิจัยพัฒนาสูตรฟิล์มเพื่อเพิ่มทางเลือกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย โดยมีลูกค้าหลักของบริษัทฯ ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เช่น บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคต่อสินค้าบริโภคอยู่ที่ร้อยละ 85:15
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 SFLEX มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรกจำนวน 110 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.88 บาท บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งสิ้น 410 ล้านบาท มีมูลค่าระดมทุนรวม 426.8 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,590 ล้านบาท โดยมี บมจ.หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ เปิดเผยว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ SFLEX จะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ Flexible Packaging โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน จะลงทุนในโครงการผลิตฟิล์มประเภทที่ใช้ในการปิดผนึกขึ้นรูปสำหรับใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ลงทุนสร้างคลังสินค้า ทดแทนการเช่าคลังสินค้าในปัจจุบัน ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมทั้งนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
หลัง IPO SFLEX มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ถือหุ้น 49.76% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2) นายเอก พิจารณ์จิตร 10.98%และ 3) นางสาวกชกร วณิชานุวัตร 6.59%
SFLEX มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมาย และที่ SFLEX กำหนดไว้ในแต่ละปี ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ฐานะการเงิน สภาพคล่อง ความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการบริหารกิจการ และแผนการลงทุนและการขยายกิจการ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ
ผู้ลงทุนและผู้สนใจโปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.starflex.co.th และที่ www.set.or.th