"เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์" หรือ STC เคาะราคาขายหุ้นไอพีโอ 1 บาท/หุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อ 20-22 พฤศจิกายนนี้ โดยมี บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นแกนนำการเสนอขายหลักทรัพย์ พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 4 แห่ง ดีเดย์เทรดวันแรกใน mai 29 พฤศจิกายน 62 ชูหุ้นมีสตอรีการเติบโตสวย ขานรับอานิสงส์นโยบาย EEC กระตุ้นภาครัฐและเอกชนขยายการลงทุน เสริมความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง การันตีด้วยผลประกอบการงวด 9 เดือนโตแรง ทุบสถิติกำไรปี 61 เรียบร้อยแล้ว
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) (STC) เปิดเผยว่า STC เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 148,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 26.06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป 82.97% เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 15% เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ 2.03%
โดยกำหนดราคาไอพีโอ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 20.41 เท่า คำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยบริษัทฯ มีการเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไรที่โดดเด่นตามนโยบายการลงทุนในโครงการ EEC ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น
กำหนดเปิดจองซื้อไอพีโอในช่วงระหว่างวันที่ 20-22 พฤศจิกายนนี้ โดยแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ STC จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด พร้อมทั้งคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ในหมวดธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า STC
อย่างไรก็ตาม STC ได้นำเสนอข้อมูลธุรกิจให้แก่นักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการคอนกรีตมากว่า 30 ปี มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ขณะที่ STC ขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับดีมานด์จากงานของภาครัฐบาลและเอกชน สอดรับกับนโยบาย EEC จึงมั่นใจ STC จะเป็นหุ้นจิ๋วแต่แจ๋วที่สยายปีกโตอย่างแข็งแรง
"ในสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยผันผวนแบบนี้ เราไม่กังวลกับปัจจัยดังกล่าว เพราะมองว่าหุ้นไอพีโอของ STC เป็นธุรกิจที่น่าสนใจมาก เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจคอนกรีตในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่ได้อานิสงส์จากการขยายตัวของงานภาครัฐบาล และเอกชน ซึ่ง STC ได้ขยายโรงงานเพื่อรอรับโอกาสดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และมีแผนการเติบโตอย่างชัดเจน โดยนักลงทุนจะเห็นสัญญาณบวกจากผลประกอบการของ STC ตั้งแต่ปีนี้กำไรทุบสถิติใหม่ตั้งแต่งวด 9 เดือน จึงมั่นใจจะสะท้อนมาที่ความเชื่อมั่นของไอพีโอน้องใหม่ตัวนี้อย่างแน่นอน" นายรัฐชัยกล่าว
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า มั่นใจบริษัทฯ จะเติบโตโดดเด่น เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้เงินประมาณ 141.30 ล้านบาท นำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกที่กำลังขยายตัว วางเป้าเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่ได้อานิสงส์จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และเป็น Dividend Stock ที่มีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี
"STC เรามีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และพันธมิตรที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งรายเล็ก รายใหญ่ไปจนถึงกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่ เราเด่นในเรื่องผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่มีสินค้าหลากหลายที่สุด และได้อานิสงส์จากงานโครงการในเมืองพัทยา และการขับเคลื่อนโครงการในภาคตะวันออก หรือ EEC ที่เริ่มมีการขยับตัวอย่างชัดเจนมา 2 ปีแล้ว โดยโรงงานของ STC มี 4 โรงงาน อยู่ในทำเลใจกลางเมืองพัทยา ทำให้ได้เปรียบในเรื่องระยะทางขนส่งต้นทุนการแข่งขันทำได้ดีกว่าคู่แข่ง ประกอบกับแบรนด์ STC ได้รับการยอมรับและความน่าเชื่อถือ จึงสนับสนุนให้ STC เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการผลิตท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักขนาดใหญ่ ซึ่งหาคู่แข่งได้น้อยราย ทำให้เราสามารถสร้างอัตรากำไรที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต" นายเอกชัยกล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีที่แล้วบริษัทฯ ได้ลงทุนขยายโรงงานใหม่ที่นาวังเฟส 2 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเตรียมพร้อมรับดีมานด์จากงานภาครัฐบาลและเอกชนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์จากบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการไตรมาส 3 ของปีนี้ที่ประกาศออกมาแค่ไตรมาสเดียว กำไรสุทธิเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 2562 ขณะที่งบ 9 เดือนปี 2562 มาตามนัด เติบโตกว่าปี 2561 ทั้งปีเรียบร้อยแล้ว
ผลประกอบการไตรมาส 3/2562 มีรายได้รวม 107.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 102.99 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 37.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.85% กำไรสุทธิ 9.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271.53% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐ สนับสนุนให้รายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปประเภทท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก และบ่อพักน้ำ โดยเฉพาะสินค้าท่อระบายน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2562 รายได้รวม 303.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 273.09 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 25.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.27% กำไรสุทธิ 17.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9 เดือน ปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 31.78% และ 27.54% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2561 สูงขึ้นอยู่ที่ 5.91% และ 4.05% ตามลำดับ