"เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์" คาดเข้าเทรดตลาด mai ภายในเดือน พ.ย.นี้ โดยบริษัทจัดงานนำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO (โรดโชว์) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นธุรกิจ และความน่าสนใจในการลงทุนก่อนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 148 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26. 06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของ บมจ.เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ (STC) คาดว่า STC จะสามารถเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือน พ.ย.นี้
ด้านนายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ STC เปิดเผยว่า บริษัทจัดงานนำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO (โรดโชว์) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นธุรกิจ และความน่าสนใจในการลงทุนก่อนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 148 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26. 06% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทเพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจ พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพัทยา และพื้นที่เชื่อมโยงจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกที่กำลังขยายตัว และโอกาสจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ส่วนโครงการในอนาคตของบริษัทเล็งเห็นโอกาสการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากคอนกรีตต่างๆ ที่จะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ของภาครัฐ เช่น นิคมอุตสาหกรรม ระบบชลประทาน ระบบถนน ระบบรถไฟความเร็วสูง ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกดังกล่าว รวมทั้งการลงทุนของภาคเอกชนที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง จึงมีแผนการลงทุนในโรงงานนาวังระยะที่ 3 ซึ่งเป็นแผนต่อยอดขยายกำลังการผลิตโรงงานนาวังในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ยอดขาย และผลกำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น และสร้างความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว โดยคาดว่าจะเริ่มลงทุนในปี 64 โดยแหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของกิจการในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Pre-cast Concrete) ทุกประเภทและคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) ภายใต้เครื่องหมายการค้า" STC" พร้อมทั้งให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีสินค้าและบริการที่ครบวงจรที่สุดและถือเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจนี้ในเมืองพัทยา ขณะที่ทำเลที่ตั้งโรงงานผลิตมีทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่ โรงงานพัทยา 1 โรงงานพัทยา 2 โรงงานหนองปรือ และโรงงานนาวัง อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพมาก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใกล้แหล่งขนส่งสินค้าในโครงการต่างๆ ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขัน และการบริหารต้นทุนอย่างดีเยี่ยม โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างประมาณ 77.61%, กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 10.90% และกลุ่มร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และรายย่อย ประมาณ 11.49%
"ขณะนี้เราใช้กำลังการผลิตอยู่ราว 80% ซึ่งถือว่าเต็มกำลังการผลิต และในปี 64 เรามีแผนที่จะขยายโรงงาน โดยตอนนี้เรามีพื้นที่รองรับไว้ 20 ไร่ ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงานเดิมจึงง่ายต่อการขยายพื้นที่การผลิต" นายเอกชัยกล่าว
นายเอกชัยกล่าวต่อว่า ในงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป 73.11% เป็นรายได้หลักของบริษัท โดยมีท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก และบ่อพักน้ำเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง นอกจากนี้ มีเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ แผ่นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงหล่อสำเร็จ และคานสำเร็จรูปเสริมความครบวงจรให้บริษัทยิ่งขึ้น ขณะที่มีรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ 23.24% รายได้จากการให้บริการ 3.21% และรายได้อื่นๆ 0.44% ของรายได้รวม
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/62 บริษัทจะแจ้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งโดยปกติธุรกิจของบริษัทจะเข้าสู่ไฮซีซัน โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง หรือไตรมาส 3-4 เนื่องจากมีออเดอร์จากลูกค้าเข้ามามากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3/62 จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ