xs
xsm
sm
md
lg

SCBS ลุ้นดัชนีปีหน้า 1,600-1,800 กำไร บจ.-ตลาดเกิดใหม่ฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SCB Wealth Holistic Experts เปิดมุมมองเศรษฐกิจโลกปีหน้ายังเติบโตต่ำแต่ยังไม่เห็นสัญญาณถดถอย หลังหลายประเทศทุ่มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะหาจังหวะเพิ่มน้ำหนักลงทุน ด้านเศรษฐกิจไทยหวังการลงทุนภาครัฐ-เอกชนขับเคลื่อน ขณะที่ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดเกิดใหม่ คาดกรอบ 1,600-1,800 แนะลงทุนหุ้นเกี่ยวกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ทยอยเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มวัฏจักร

นายศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุนและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วง Late Cycle หรือภาวะเติบโตช้าจากปัจจัยหลักๆ มาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าด้วย แต่ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเกิดภาวะถดถอย (Recession) ใน 1 ปีข้างหน้า เป็นผลจากการใช้นโยบายผ่อนคลายของหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมา แต่โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยอีกจะมีน้อยลง เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และสถาบันการเงินมีความเข้มงวดขึ้น จึงเป็นข้อจำกัดในการส่งต่อนโยบายการเงิน ทำให้นโยบายการคลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในระยะต่อไป

"จากภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วง Late Cycle ถูกซ้ำเติมด้วยสงครามการค้าทำให้อัตราการเติบโตช้าลงไปอีก แต่ในปีหน้ามองว่าผลจากการใช้นโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เริ่มผ่อนคลายลง โดยประธานาธิบดีทรัมป์ น่าจะมีท่าทีอ่อนลงในปีหน้าก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดเงิน"

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2563 คือหาจังหวะเพิ่มน้ำหนักในตลาดหุ้นหรือในอุตสาหกรรมที่ราคาปรับลดลงมามากจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยตลาดหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในกลุ่มสุขภาพ หลังมีความชัดเจนของนโยบาย Health care ตลาด Asia Emerging Market จากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยหลีกเลี่ยงลงทุนในตราสารหนี้เอกชน High Yield แต่เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชน Investment Grade และสินทรัพย์ทางเลือก แนะนำกลุ่มลงทุนใน REITs

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS)กล่าวว่า ด้านตลาดหุ้นไทยประเมินความเสี่ยงจำกัดเนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 12% (รวมปันผล) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปีนี้ที่คาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตลดลง 3% และในปีก่อนหน้าที่เติบโตลดลง 1% โดยตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดเกิดใหม่ที่ราคาหุ้นยังไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีราคาขึ้นไปสูงแล้ว โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ กับจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้ในเบื้องต้น โดยประมาณการกรอบดัชนีที่ 1,600-1.800 จุดในปี 2563

โดยกลยุทธ์การลงทุนให้ลงทุนหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ เน้นหุ้นปันผล ราคาไม่แพง และกำไรสุทธิยังคงเติบโต เพื่อลดความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น กลุ่มค้าปลีก การแพทย์ นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ แนะนำเริ่มทยอยเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มวัฏจักร เช่น พลังงาน ปิโตรเคมี ซึ่งราคาลดลงไปมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในปีหน้าจึงน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะข่วยดันภาพรวมตลาดให้ขึ้นตามไปด้วยเนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มนำตลาด

"จากการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ปี 2562 ของสภาพัฒน์ที่เติบโต 2.4% ถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ประมาณ 2.7% และปรับลดประมาณการทั้งปีเติบโตที่ 2.6% จึงค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่าจีดีพีทั้งปีจะเติบโตได้ประมาณ 2.6-2.7% ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์คาดการณ์ที่ระดับ 2.8% ทั้งในปี 2562 และ 2563 แต่เราประเมินว่า จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ การท่องเที่ยว รวมถึงงบประมาณประจำปี 2563 ที่คาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายได้ต้นปี 2563 จะเป็นปัจจัยสำคัญในการหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า"
กำลังโหลดความคิดเห็น