แบงก์ชาติ ระบุเศรษฐกิจชะลอตัว ธุรกิจขนาดกลาง 100-500 ล้านบาทกระทบ กลุ่มอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เอ็นพีแอลทั้งระบบปรับสูงขึ้นเป็น 3.01 %จากไตรมาศก่อน 2.95 %และสินเชื่อทั้งระบบหดตัวเหลือ 3.8 % จากไตรมาศก่อน 4.2 % หวังภาพรวม เศรษฐกิจเติบโตจะช่วยหนุนผลประกอบการสถาบันการเงินดีขึ้นตามลำดับ
นายธาริฑธิ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยงสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 3 ปี 2562 ว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองเพิ่มขึ้น สามารถรองรับความท้าทายจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจได้ สำหรับผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ปรับดีขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,738 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการจัดสรรกำไรเข้าเป็นเงินกองทุนและการออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิของธนาคารพาณิชย์ไทยบางแห่ง ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.2 % และมีเงินสำรองเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 9.9 พันล้านบาท มาอยู่ที่ 690.5 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 196.3 % เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ด้านอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ในระดับสูงที่ 185.0 %
การชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะลูกหนี้ธุรกิจ SME ขนาดกลางและขนาดเล็ก ส่งผลให้การเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ลดลงต่อเนื่องจาก 4.2 % ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 3.8 % โดยมีรายละเอียดดังนี้
สินเชื่อธุรกิจ ( 64.7 %ของสินเชื่อรวม) ขยายตัว 1.3 % โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่
(ไม่รวมธุรกิจการเงิน) ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.2 % ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 2.6 % แม้ว่าลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่บางรายนำเงินจากการออกหุ้นกู้มาทยอยชำระหนี้ สินเชื่อธุรกิจ SME (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) หดตัว 1.0 % จากที่ขยายตัว 0.1 % ในไตรมาสก่อน โดยสินเชื่อลดลงในธุรกิจ SME ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก
สินเชื่ออุปโภคบริโภค ( 35.3 % ของสินเชื่อรวม) ยังคงเติบโตในระดับสูง แม้อัตราการเติบโต จะลดลงจาก 9.2 % ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 8.7 % โดยหลักเป็นผลจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เติบโตลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 หลังมีการเร่งปล่อยสินเชื่อในช่วงก่อนมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ และสินเชื่อรถยนต์ที่เติบโตลดลงตามยอดขายรถยนต์ที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ สินเชื่อสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวสูงขึ้นต่อเนื่องคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในภาพรวมมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.95 เป็น 3.01 % โดยยอดคงค้าง NPL อยู่ที่ 469.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 19 พันล้านบาท จากลูกหนี้รายใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อ SME เป็นสำคัญ ในขณะที่ยอดคงค้าง NPL ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยและรถยนต์ยังเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ สัดส่วนสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention: SM) ลดลงจาก 2.74 % ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 2.59 % เนื่องจากลูกหนี้รายใหญ่บางรายถูกเปลี่ยนการจัดชั้นเป็น NPLในไตรมาส 3 ปี 2562 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 96.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้พิเศษจากการขายเงินลงทุนของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเป็นสำคัญ ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่ 214.4 พันล้านบาท หากตัดรายการพิเศษ กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามการเติบโตของสินเชื่อรายย่อย รายได้จากเงินปันผล และรายได้ค่าธรรมเนียมจากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์และขายประกัน
ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับสินเชื่อด้อยคุณภาพและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ โดยอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Asset: ROA) เพิ่มขึ้นจาก 1.26 % ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 1.98 % ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin : NIM) ทรงตัวที่ 2.74%