“คลัง” เปิดลงทะเบียนชิมช้อปใช้ เฟส 3 สำหรับคนทั่วไป 2 ล้านราย ในวันที่ 14-15 พ.ย.นี้ โดยกำหนดรับลงทะเบียนรอบละ 3.75 แสนราย เริ่มรอบแรกเวลา 8 โมงเช้า และรอบ 2 เวลา 6 โมงเย็น ส่วนผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 5 แสนราย จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 17 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าเป็นต้นไป ส่วน “อธิบดีกรมบัญชีกลาง” ระบุ 15 ธ.ค.นี้ เริ่มทยอยคืนเงินให้แก่ผู้ใช้จ่ายท่องเที่ยวผ่านกระเป๋า 2 ด้าน “แบงก์กรุงไทย” เผยให้ผู้รับสิทธิตามโครงการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทยสามารถชำระเงินผ่าน g-Wallet 2 ได้ ขณะที่มีเครือโรงแรมดังระดับ 5 ดาวหลายเครือที่ได้เข้ามาร่วมโครงการแล้ว ย้ำผู้ประกอบการต้องจัดการท่องเที่ยวแบบเป็นแพกเกจ โดยมีทั้งที่พักรวมค่าเดินทางและบริการอื่นๆ ด้วย
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ไ้ด้พิจารณาเห็นชอบการดำเนินมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ระยะที่ 3 หรือ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ซึ่งจะมีความพิเศษกว่ามาตรการชิมช้อปใช้ เฟส 1 และ 2 แค่เฉพาะเงื่อนไขการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศโดยเงินของประชาชนเองที่โอนเข้ากระเป๋าเงิน g-Wallet ช่อง 2
ส่วนเหตุผลในการออกมาตรการฯ เฟส 3 นี้ นั้นเกิดจากยังมีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมมาตรการ “ชิมช้อปใช้” อีกเป็นจำนวนมากที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอยผ่านกระเป๋า 2 แต่ยังไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้ ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้ออกมาตรการชิมช้อปใช้เพิ่มเติมในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม มาตรการชิมช้อปใช้ที่ผ่านมานั้นถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ได้รับสิทธิทั่วประเทศ 12,901,825 คน และมียอดใช้จ่ายแล้ว 12,450 ล้านบาท
ด้านเงื่อนไขของมาตรการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” นั้น จะเปิดให้ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิลงทะเบียนเพิ่มจำนวนไม่เกิน 2 ล้านคน ผู้ลงทะเบียนจะได้รับสิทธิประโยชน์สำหรับการใช้จ่ายจากเงินของประชาชนเองผ่าน g-Wallet ช่อง 2 เป็นเงินชดเชย 15% ของยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท (เงินชดเชยไม่เกิน 4,500 บาท) และเงินชดเชย 20% ของยอดใช้จ่ายในส่วนที่เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท (เงินชดเชยไม่เกิน 4,000 บาท) เช่นเดียวกับ “ชิมช้อปใช้ เฟส 1 และ 2” จะแตกต่างเพียงไม่มีวงเงินสนับสนุน 1,000 บาท ผ่าน g-Wallet ช่อง 1
นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ให้สะดวกมากขึ้น โดยสามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดรวมทั้งจังหวัดตามทะเบียนบ้าน อีกทั้งสามารถใช้จ่ายค่าบริการแพกเกจที่พักพร้อมการเดินทางหรือบริการที่เกี่ยวเนื่อง นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาระบบเชื่อมโยงการจ่ายค่าสินค้าและบริการผ่านระบบที่สามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมได้
ส่วนการลงทะเบียนใชสิทธิชิมช้อปใช้ 3 นั้น กระทรวงการคลังจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.-15 พ.ย.62 โดยจะเปิดรับวันละ 750,000 ราย ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 รอบๆ ละ 375,000 ราย สำหรับการเปิดลงทะเบียนรอบแรกในเวลา 06.00 น. และรอบที่ 2 เวลา 18.00 น. อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ลงทะเบียนไม่ครบถ้วนจะนำมาเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 16 พ.ย.62
นอกจากนี้ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ยังมีความพิเศษในเรื่องการอำนวยความสะดวกการลงทะเบียนให้แก่ผู้สูงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยให้สามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 17 พ.ย.62 ประมาณ 500,000 ราย โดยเริ่มเข้าลงทะเบียนได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนวันแรกจะเริ่มใช้สิทธิได้ในวันที่ 20 พ.ย.62 ขณะที่ผู้ได้รับสิทธิในเฟส 1 และ 2 สามารถเริ่มใช้จ่าย g-wallet ช่อง 2 ทุกจังหวัดได้ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย.62 โดยมาตรการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ม.ค.63 สำหรับขยายระยะเวลาดังกล่าวนี้กำหนดให้ครอบคลุมถึงผู้ได้รับสิทธิเดิมด้วย ส่วนร้านค้าสามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการได้ภายในเดือน ม.ค.63
สำหรับเงื่อนไขการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านกระเป๋า 2 นั้น กระทรวงการคลังได้กำหนดผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้จ่ายได้เฉพาะจังหวัดตามที่ตนมีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เนื่องจากกระทรวงการคลังพิจารณาเห็นว่า ประชาชนเป็นผู้เติมเงินเพื่อใช้จ่ายเองในกระเป๋าที่ 2 จึงได้ยกเลิกเงื่อนไขในการกำหนดพื้นที่การท่องเที่ยวดังกล่าว อีกทั้งในช่วงฤดูหนาวยังเป็นช่วงที่จะมีการท่องเที่ยวสูง และในขณะเดียวกัน การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็ยังกำหนดเงื่อนไขผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวจะต้องจัดการเดินทางหรือการท่องเที่ยวแบบเป็นแพกเกจ โดยมีทั้งที่พักรวมค่าเดินทางและบริการอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มประเภทการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่แตกต่างจากมาตรการชิมช้อปใช้ เฟส 1 และ 2
นายพรชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ธนาคารกรุงไทยกำลังหารือกับบริษัทไปรษณีย์ไทยเพื่อพัฒนาระบบตัวกลางในการดูแลเรื่องการรับส่งสินค้าเพื่อใช้เป็นของขวัญของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทที่ให้บริการรับส่งสินค้าสามารถเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนมาตรการชิมช้อปใช้ของรัฐบาลด้วย นอกจากนี้ ยังเพื่อเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องการส่งเสริมสินค้าโอทอปด้วย
ด้าน น.ส.วิลาวรรณ พญาน้อย อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงความตื่นตัวของผู้ประกอบการร้านค้า โดยสมัครเข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางแบบ Walk In ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนั้นจะมีจำนวนนับแสนร้านค้า โดยแบ่งเป็นกลุ่มร้านค้าชิม 47% ร้านค้าขายสินค้าและบริการทั่วไปจะมีประมาณ 34% ร้านช้อปที่เป็นกลุ่มขายสินค้าโอทอป สินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองจะมีประมาณ 13% ร้านใช้ที่เป็นกลุ่มโรงแรม รีสอร์ต โฮมสเตย์ จะมีประมาณ 5% ทั้งนี้ จะมีการกระจายตัวของกลุ่มผู้ประกอบการตามประเภทของร้านค้าและตามแหล่งหัวเมืองต่างๆ ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม กรมบัญชีกลางจะขยายระยะเวลาการรับสมัครร้านค้ารองรับมาตรการชิมช้อปใช้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.63 เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม และเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถเลือกใช้บริการจากร้านค้าได้มากตามความต้องการ ส่วนการทยอยจ่ายคืนเงินใช้จ่ายผ่าน g-Wallet 2 นั้น น.ส.วิลาวรรณ กล่าวว่า จะเริ่มทยอยจ่ายคืนได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.นี้
ส่วนนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าธนาคารฯ ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตามโครงการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย โดยผู้ได้รับสิทธิในโครงการนี้จะสามารถชำระเงินผ่าน g-Wallet 2 ได้ ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรฐกิจในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ในปัจจุบันได้มีเครือโรงแรมดังระดับ 5 ดาวหลายเครือที่ได้เข้ามาร่วมโครงการแล้ว เช่น เครือโรงแรมเซ็นทารา ศรีพันวา เอดับบลิวซี แอคคอร์ ดุสิต ชาเทรียม ไฮแอท ไอเอชจี แมริออท อินเตอร์คอนดิเนนตัล ใบหยก รวมถึงโรงแรมบูติค และรีสอร์ตอื่นๆ ทั่วประเทศกว่า 4,600 แห่ง รวมทั้งร้านอาหารชื่อดัง เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้รับสิทธิเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารฯ ได้ทำความเข้าใจกับภาคเอกชนแล้วว่าให้บูรณาการเพื่อนำเสนอทั้งในเรื่องการบริการ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ท่องถิ่น และจุดที่น่าสนใจในพื้นที่ เพื่อฉายศักยภาพของพื้นที่นั้นๆ ให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เข้าไปเยี่ยมได้เห็นอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะทำให้มีโอกาสที่จะได้รับบริการได้อย่างเต็มที่จากการที่รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนการใช้จ่ายสูงถึง 50,000 บาทต่อหัว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ยังกล่าวด้วยว่า อยู่ระหว่างการเตรียมการในเรื่องการร่วมสนุกชิงโชคจากการเข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้ โดยธนาคารกรุงไทยอยู่ระหว่างการเตรียมส่งเรื่องเพื่อขออนุญาตกับกระทรวงมหาดไทยในการดำเนินการเรื่องสิทธิการเล่นชิงโชคจับฉลากเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การพนัน ซึ่งเมื่อได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยแล้วจะมีการแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทย ได้เตรียมความพร้อมในการจัดโครงการชิมช้อปใช้ชิงโชค ลุ้นรับทองคำ ตลอดโครงการถึงวันที่ 31 ม.ค.63 สำหรับผู้รับสิทธิที่ใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 และร้านค้าถุงเงิน โดยการจับรางวัลแบ่งเป็น ผู้รับสิทธิที่ใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G -Wallet 2 ทุกๆ 1,000 บาท ได้รับ 1 สิทธิในการเข้าชิงรางวัล โดยในส่วนของร้านค้าจะมีสิทธิเข้ารับการชิงรางวัลร้านถุงเงินสำหรับทุกๆ 1 ใบสลิป จะได้รับ 1 สิทธิ ซึ่งธนาคารฯ เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีส่วนทำให้การใช้จ่ายตามมาตรการชิมช้อปใช้มีความคึกคักขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet 2 นายผยง กล่าวว่า ปัจจุบันจะมีทั้งสิ้นกว่า 1 พันล้านบาท ขณะที่ยอดเติมเงินใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 นั้น เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นระยะ เนื่องจากสิทธิการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 1 ได้หมดไปแล้ว