xs
xsm
sm
md
lg

“บิวตี้ คอมมูนิตี้” โชว์กำไร Q3/62 โต 8.73% มองโค้งสุดท้าย Q4/62 แนวโน้มดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



BEAUTY เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2562 รายได้รวม 456.98 ล้านบาท กำไรสุทธิ 50.85 ล้านบาท โต 8.73% และงวด 9 เดือนรายได้รวม 1,537.32 ล้านบาท กำไรสุทธิ 167.17 ล้านบาท มองโค้งสุดท้าย Q4/62 แนวโน้มดี เร่งผลักดันยอดขายเต็มสูบ รับอานิสงส์ช่วงไฮซีซันนักท่องเที่ยวจีนเพิ่ม มาตรการภาครัฐกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ลุยจัดโปรโมชันครบรอบ 12 ปี BEAUTY BUFFET ปั๊มยอดขาย ตลาดต่างประเทศยอดสั่งซื้อเติบโตจากจีน พม่า อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทยอยรับรู้รายได้จากการปรับโครงสร้างการจัดจำหน่าย

นายแพทย์ สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2562 มีรายได้รวม 456.98 ล้านบาท ลดลง 14.04% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.73% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/62 ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2562 มีรายได้รวม 1,537.32 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 167.17 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ในส่วนของกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนการบริหาร ควบคุมค่าใช้จ่ายแปรผันและต้นทุนคงที่ต่างๆ การย้ายสาขาและปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต ขณะที่รายได้รวมปรับตัวลดลงเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน (Low Season) ของธุรกิจเครื่องสำอาง กำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศหดตัว นักท่องเที่ยวจีนลดลง ด้านตลาดต่างประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าจีนในรูปแบบการหิ้วสินค้า แต่บริษัทสามารถทำตลาดในประเทศจีนโดยตรงได้ดีขึ้นโดยแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหลายราย

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคให้กลับมาคึกคักในช่วงปลายปี 62 ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ออกโปรโมชันต่างๆ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับลูกค้าสมาชิก เช่น กิจกรรมครบรอบ 12 ปี BEAUTY BUFFET โปรโมชัน 11.11 เพื่อกระตุ้นยอดขาย

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ตลาดในประเทศจะมีการปรับคอนเซ็ปต์และรูปแบบของช่องทางจำหน่ายหลัก รวมทั้งพัฒนาโมเดลใหม่ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย Commerce Business เช่น E-Commerce, ช่องทางสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Product) จะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตและรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากช่องทางดังกล่าวมีต้นทุนดำเนินการต่ำ และเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป

สำหรับตลาดต่างประเทศ ขยายไปในตลาดที่หลากหลายมากกว่า 10 ประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย พม่า เวียดนาม ลาว ไต้หวัน ฮ่องกง บรูไน ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น โดยจะมุ่งเน้นขยายตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น จีน พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม

นายแพทย์ สุวินกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของตลาดจีนซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญ เริ่มมีสัญญาณที่ดีจากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้งในกลุ่มออนไลน์และออฟไลน์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าชาวจีนได้โดยตรง ประกอบด้วย แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ของจีน (CBEC : Cross Border E-Commerce) และ ตลาดร้านค้าทั่วไป (General Trade) ตั้งเป้ามีจุดจำหน่ายสินค้าภายในสิ้นปีมากกว่า 33,000 จุดจำหน่าย จากปัจจุบันที่มีจุดจำหน่าย 28,000 แห่ง และมีกระแสตอบรับที่ดีจากช่องทาง E-Commerce ในประเทศจีน รวมถึงมีการทำการตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่ายเพื่อสร้างการยอมรับในสินค้าและแบรนด์ BEAUTY อาทิ เทศกาลวันคนโสด 11.11 หรือ Single Day ของอาลีบาบาในประเทศจีน สินค้าของบริษัทจำหน่ายผ่านช่องทาง TMALL เติบโตถึง 48% เมื่อเทียบปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจหลายช่องทางทำให้ BEAUTY มีศักยภาพเติบโต การปรับกลยุทธ์โครงสร้างการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ซึ่งสินค้า BEAUTY ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและประเทศเขตเอเชีย มีแนวโน้มการเติบโตเห็นได้ชัดเจน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น