ตั้งแต่วันแรกที่ประเดิมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หุ้นบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ตกอยู่ในอาการร่อแร่ ทำท่าหลุดราคาจอง แต่มีแรงซื้อพยุง จนราคายืนเหนือจองตลอด กระทั่งวันจันทร์ที่ผ่านมา จึง ถูกถล่มขายแหลก จนราคารูดต่ำกว่าจองเป็นครั้งแรก และมีโอกาสดิ่งลงลึกต่อเนื่อง
การถล่มขายหุ้น AWC จะเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ ยังไม่อาจสันนิษฐานได้ เพราะเมื่อวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน เป็นวันสิ้นสุด กรีนชู ออปชัน หรือการซื้อคืนหุ้นส่วนเกินที่นำมาจัดสรรขายนักลงทุนทั่วไป จำนวน 1,043 ล้านหุ้น ซึ่งยืมมาจากนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ถือหุ้นใหญ่ AWC ในสัดส่วนกว่า 27% ของทุนจดทะเบียน
อาจมีผู้ถือหุ้นบางกลุ่มรอจังหวะขายหุ้น AWC แล้ว และเมื่อหมดช่วงกรีนชู จึงถือโอกาสชิงขายหุ้นทิ้งทันที
กรีนชู ออปชัน หรือการซื้อคืนหุ้นส่วนเกินที่นำมาจัดสรรขายนักลงทุนทั่วไปจำนวน 1,043 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 6 บาท มีกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับจากหุ้นเข้าซื้อขาย หรือนับจากวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยวันที่ 8 พฤศจิกายน ถือเป็นวันสุดท้ายของกรีนชู ออปชัน
การซื้อคืนหุ้น AWC จะเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นลดลงในระดับราคา 6 บาท โดยกรีนชู จะเข้าไปทำหน้าที่พยุงราคาที่ 6 บาท โดยตั้งซื้อราคา 6 บาท จนครบจำนวน 1,043 ล้านหุ้น
แต่กลไกกรีนชู ออปชัน แทบไม่ต้องทำงาน เพราะราคาหุ้น AWC ไม่เคยต่ำกว่า 6 บาท และแม้เคยลงมาแตะระดับ 6 บาท แต่ก็มีแรงซื้อผลักดันให้ขยับขึ้นสูงกว่า 6 บาทตลอด
หุ้น AWC เปิดการซื้อขายมา 21 วัน โดยวันแรกปิดที่ 6.05 บาท และถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 6.80 บาท เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ก่อนจะถูกเทขายอย่างหนักในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้น ราคาย่ำฐานอยู่ระดับ 6.05 บาทมาตลอด โดยปิดที่ 6.05 บาท รวม 12 วันทำการ จากจำนวนวันที่ซื้อขาย 21 วันทำการ
บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลกรีนชู โดยทำหน้าที่ซื้อหุ้น AWC ส่งมอบคืนให้นายเจริญ แต่เมื่อราคาหุ้นบนกระดานไม่ต่ำกว่า 6 บาท ภัทรฯ จึงใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,043 ล้านหุ้นคืนนายเจริญ
การที่ราคาหุ้น AWC ไม่หลุดต่ำกว่า 6 บาท ส่งผลให้หุ้นเพิ่มทุนที่สำรองไว้จำนวน 1,043 ล้านหุ้นขายได้หมด เพราะภัทรฯ ต้องซื้อเพื่อนำหุ้นส่งมอบนายเจริญ
ถ้าราคาหุ้นในกระดานต่ำกว่า 6 บาท กรีนชูออปชันต้องซื้อหุ้นในตลาดจนครบจำนวน 1,043 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้หุ้นเพิ่มทุนอีกจำนวน 1,043 ล้านหุ้นเหลือ และ AWC จะไม่ได้รับเงินอีกจำนวน 6,258 ล้านบาท
กรีนชู ออปชัน จริงๆ แล้วไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ไม่จำเป็นต้องยืมหุ้นของนายเจริญ มาจัดสรรขายนักลงทุนก่อน ถ้าบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทแกนนำผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ AWC มีความมั่นใจว่า
หุ้นที่เสนอขาย กำหนดราคาอย่างยุติธรรม โดยนักลงทุนเชื่อมั่นอนาคตการเติบโตของบริษัท และจองซื้อหุ้นจนหมดเกลี้ยง
รวมทั้งมั่นใจว่า เมื่อหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ราคาจะไม่ต่ำกว่าจอง
การนำกรีนชู ออปชันมาใช้ อาจเป็นเพราะไม่มั่นใจว่า หุ้นที่เสนอขายประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกราคา 6 บาทนั้น นักลงทุนจะให้ความสนใจจองซื้อ จึงต้องหาลูกเล่นในการขายหุ้น เพื่อหวังผลในเชิงจิตวิทยา เรียกความมั่นใจนักลงทุน โดยรับประกันว่า ภายใน 30 วันนับจากหุ้นเข้าซื้อขาย ราคาหุ้นจะไม่ต่ำกว่า 6 บาท
เพราะถ้าต่ำกว่า 6 บาท จะมีแรงซื้อรออยู่จำนวน 1,043 ล้านหุ้น
การที่ราคาหุ้น AWC ไม่เคยต่ำกว่า 6 บาท ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,043 ล้านหุน ที่ภัทรฯ ซื้อและนำส่งมอบให้นายเจริญ หรือไม่
เพราะถ้าราคาหุ้นต่ำกว่า 6 บาท กรีนชู ต้องเข้ามารับซื้อจนไม่เหลือเงินที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่สำรองไว้ 1,043 ล้านหุ้น
ราคาหุ้น AWC ที่กำหนดขาย 6 บาทนั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นราคาที่แพงมาก ค่า พี/อี เรโช ร่วม 300 เท่า และอาจมีนักลงทุนบางกลุ่มรอจังหวะเทขายหุ้นอยู่แล้ว แต่โอกาสยังไม่เหมาะ เพราะถ้าเทขายก่อนหน้าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นเพิ่มทุนที่สำรองไว้จำนวน 1,043 ล้านหุ้น จนอดใจไม่ขายก่อนหน้า
แต่เมื่อหมดภาระรับผิดชอบกรีนชู แล้ว หุ้นเพิ่มทุนที่ตั้งสำรองไว้ 1,043 ล้านหุ้น ภัทรฯ ซื้อไปส่งมอบให้นายเจริญ หมดแล้ว จึงได้ฤกษ์ถล่มขายหุ้น AWC จนราคาไหลรูดเหลือ 5.40 บาท ต่ำกว่าจอง 10% พอดี
กรีนชู ออปชันเมื่อสิ้นอายุ หุ้นเพิ่มทุนที่สำรองไว้ 1,043 ล้านหุ้น ขายออกไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องพยุงหุ้นอีกต่อไป
คำถามคือ ราคาหุ้นจะดิ่งลงไปลึกขนาดไหน เพราะแม้ รูดลงมาเหลือ 5.40 บาท ก็ยังเป็นราคาที่แพงอยู่ดี
จะหวังซื้ออนาคต AWC ก็ไม่ได้ เพราะ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว