TITLE โชว์ไตรมาส 3/62 กำไรทะลักกว่า 39.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 424.17% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรับรู้ยอดโอนคอนโดมิเนียมได้เร็วกว่าที่คาด ฟาก "ศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ประเมิน พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิมีผลบังคับใช้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติที่เป็นลูกค้ากลุ่มหลักกว่า 80% หนุนความต้องการเป็นเจ้าของเร็วขึ้น มั่นใจดันผลงานปีนี้ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 39.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 424.17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7.49 ล้านบาท และรายได้รวมเท่ากับ 223.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.75% จากงวดเดียวกันปีก่อน รายได้รวมเท่ากับ 79.44 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2562 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 218.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 641.59% จากงวดเดียวกันปีก่อนกำไรอยู่ที่ 29.45 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,096.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 362.46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 237.14 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี เนื่องจากบริษัทฯ ได้ทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนของโครงการคอนโดมิเนียมได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในโครงการ The Title หาดในยาง เฟส 1 และเฟส 2 ซึ่งเริ่มโอนตั้งแต่ปี 2562
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ TITLE ยังมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากสามารถทยอยรับรู้ยอดโอนจากโครงการเดิมต่อเนื่อง ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทฯ จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปีนี้ขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 270% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 324.13 ล้านบาท และมั่นใจว่ารายได้ปีนี้ยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง"
นายศศิพงษ์กล่าวต่อว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว แต่ในส่วนของ TITLE ในไตรมาส 4/62 ยังมีปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน ได้แก่ พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ช่วยทำให้ลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของบริษัทฯ มีสัดส่วนสูงถึง 80% จะสามารถทำธุรกรรมการโอน และใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน รวมทั้งทำให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ภาครัฐฯ ออกมาตรการลดค่าโอนและจดจำนองลงสำหรับโครงการที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.-24 ธ.ค. 2563 โดยค่าโอนจะลดลงจาก 2% เหลือ 0.1% และค่าจดจำนองลดลงจาก 1% เป็น 0.01% เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จึงน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น การที่โครงการของ TITLE ซึ่งเป็นอสังหาฯ ทางเลือกในจังหวัดภูเก็ต ก็น่าจะได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว และจะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว