ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด ออกโรงแจงไม่ได้รับผลกระทบกรณีสหรัฐฯ ใช้มาตรการกีดกันการค้ากับไทย ด้วยการระงับสิทธิ GSP ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุปัจจุบัน ASIAN มุ่งสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งตั้งเป้าเปลี่ยนแปลงธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Value-Added) ประเมินแนวโน้มผลงานมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น แนะนำ “ซื้อ” เคาะราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
จากกรณีที่สหรัฐอเมริกาเดินหน้าใช้มาตรการกีดกันการค้ากับไทยด้วยการระงับสิทธิภาษีศุลกากร (GSP) กับไทย 573 สินค้า มูลค่าสินค้าราว 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีผลใน 25 เม.ย. 63 โดยสินค้าหลักๆ คือ สินค้าอาหารทะเล พาสตา ถั่ว น้ำผลไม้ อุปกรณ์เครื่องครัว เหล็กแผ่น ซึ่งไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 2
นายเฮ็นริคคัส แวน เวสเทนดร็อป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำแช่แข็ง จำหน่ายและส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า และผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว จากการตรวจสอบโดยการเช็กพิกัดส่งออก พบว่ายังไม่มีผลกระทบต่อบริษัท กล่าวคือ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทูน่า และอาหารแช่เยือกแข็งที่ ASIAN ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ อยู่ในพิกัดที่ไม่ถูกตัดสิทธิ GSP ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (pet food) ก็ไม่ได้รับผลกระทบ
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ASIAN ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารที่มีประสบการณ์ยาวนาน โดย ASIAN เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทั้งในประเทศตลอดจนส่งออกไปทั่วโลก โดยส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์กลุ่มกุ้งแช่เยือกแข็งเป็นหลัก โดย ASIAN มีรายได้หลักมาจากธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง 42% ของรายได้ตามด้วยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 31% อาหารสัตว์ 11% และธุรกิจทูน่า 10% ทั้งนี้ ASIAN มีประสบการณ์ในธุรกิจอาหารมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 40 ปี
ปัจจุบัน ASIAN มุ่งสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นสูง มีแผนมุ่งหน้าสู่ธุรกิจอาหารสัตว์ (คิดเป็น 31% ของรายได้รวม สูงเป็นอันดับสองรองจากกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งซึ่งมีสัดส่วน 42% ของรายได้รวม) ธุรกิจอาหารสัตว์มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงในระดับ 12-20% มากกว่ากลุ่มอาหารทะเลทั่วไป ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ประมาณ 5-10% อีกทั้งบริษัทเริ่มเปิดตลาดเพื่อผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศจีน ซึ่งมีการเติบโตสูง โดยคาดว่า ASIAN จะมีรายได้จากกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตที่ CAGR 30.8% ระหว่างช่วงปี 2016-2020 นอกจากนี้ ในกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็ง ASIAN ตั้งเป้าเปลี่ยนแปลงธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (Value-Added) เช่นกัน โดยจะทยอยลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 1,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2019-2020
ทั้งนี้ มองว่ามีโอกาสที่จะทยอยสะสม เนื่องจากแนวโน้มต่อจากนี้ไปมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น จากการเริ่มเปิดตลาดในประเทศจีน และการขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 คาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตจาก Efficiency ที่ปรับตัวดีขึ้น ประเมิน gross profit margin ขยายตัวได้ประมาณ 9.5% ใกล้กับในช่วงปี 2017-2018 และการรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการในประเทศจีน รวมถึงการเดินหน้าขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท