xs
xsm
sm
md
lg

“เกียรตินาคินภัทร” คาดสินเชื่อทั้งปีโตเกินเป้า-เล็งดึงลูกค้า Wealth ลงทุนนอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เกียรตินาคิน-ภัทร คาดสินเชื่อทั้งปีเติบโตได้ 15% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% จากการเติบโตในทุกๆ กลุ่ม รวมถึงเช่าซื้อที่กลับมาเป็นบวกในรอบ 3 ปี พร้อมเตรียมจับมือพันธมิตรต่างประเทศดึงลูกค้ากลุ่ม Wealth ไปลงทุนนอก คาดเริ่มได้ไตรมาส 4 ปีนี้

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยว่า ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ครึ่งหลังของปีนี้ ยังคงตั้งเป้าหมายเติบโตต่อเนื่องอีก 5% จากครึ่งปีแรกที่เติบโตได้ถึง 10.2% จากการเติบโตจากทุกกลุ่ม โดยสินเชื่อรายย่อยเติบโต 6.5%, สินเชื่อธุรกิจเติบโต 12.2%, สินเชื่อบรรษัทเติบโต 38.9% และ Lombard Loan เติบโต 0.1% โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อที่มีสัดส่วน 50% ของพอร์ตรวมมียอดเพิ่มขึ้นในรอบ 3 ปี เติบโตได้ 2.8%

“จากเดิมเราตั้งเป้าหมายสินเชื่อที่โตครึ่งละ 5% แต่ครึงแรกเราโตไปแล้ว 10% ครึ่งหลังก็ยังคงเป้าหมายเดิมคือ 5% เพราะไม่อยากโตเร่งตัวมากนัก ทั้งปีก็คงประมาณ 15% ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองเติบโตได้ดีจนมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 60% ของพอร์ตเช่าซื้อแล้ว ขณะที่เช่าซื้อรถใหม่ยังไม่ดีนัก เนื่องจากจากการแข่งขันที่สูง ขณะที่สินเชื่อบางประเภทก็เติบโตชะลอลงบ้าง เนื่องจากฐานที่สูงขึ้น หรือเป็นส่วนที่ธนาคารไม่มุ่งเน้น เนื่องจากการแข่งขันที่สูง ทำให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า อาทิ สินเชื่อบ้านในบางกลุ่ม หรือสินเชื่อรถใหม่ ก็จะเลือกทำเป็นรายๆ ไป”

สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4.5% ลดลงจากสิ้นปีก่อนที่ 5.8% ซึ่งมาจากการบริหารจัดการที่ดีขึ้น และพอร์ตสินเชื่อรวมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารก็ยังคงตั้งเป้าไว้ที่ 4% และยังไม่มีแผนที่ขายออกไป

นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนที่จะรวมกับพันธมิตรต่างประเทศ 10 ราย นำลูกค้ากลุ่ม Wealth ไปลงทุนผ่านตราสารหนี้ และกองทุนรวมต่างประเทศ เพื่อเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ จากปัจจุบันที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในครึ่งปีแรก 4.6 แสนล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 แสนล้านบาทในอนาคต

นายอภินันท์ กล่าวอีกว่า ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารยังคงดูตามภาวะตลาดโดยรวม เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารไม่ได้จัดแคมเปญที่แข่งขันด้านราคาหนักๆ แต่ถ้าตลาดโดยรวมขึ้นก็คงต้องขึ้นตาม ซึ่งธนาคารไม่มีแนวทางที่จะใช้การแข่งขันด้านราคามากจนทำให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้เน้นที่ Bottom Line เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย

*คาดจีดีพีโต 4.2%*

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าทีมวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคและการลงทุนในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะโต 4.2% ในปีนี้ และโต 3.8% ในปีหน้า จากการส่งออก และการท่องเที่ยว ที่เติบโตชะลอลง ขณะที่การบริโภคยังถูกกดดันด้วยหนี้ครัวเรือนที่สูง และราคาสินค้าเกษตร ที่ยังเพิ่มขึ้นในบางตัวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีภูมิคุ้มกันที่ดีมากต่อความผันผวนของตลาดการการโลก ทั้งจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล แรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.2 ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถคงดอกเบี้ยที่ร้อยละ 1.50 ในปีนี้ และจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2562 และทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง

ส่วนประเด็นที่ยังคงต้องจับตามอง ได้แก่ ผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความเปราะบางของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ รวมถึงประเทศจีน


กำลังโหลดความคิดเห็น