บล.ภัทร ประเมินเหตุน้ำท่วมยังไม่กระทบจีดีพี คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 4.2 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคและการลงทุนในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าทีมวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคและการลงทุนในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตร้อยละ 4.2 ในปีนี้ และโตร้อยละ 3.8 ในปีหน้า เนื่องจากการส่งออกจะขยายตัวน้อยลงโตร้อยละ 3-5 เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวขยายตัวน้อยลง ขณะที่หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และราคาสินค้าเกษตรยังคงอ่อนแอ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจะยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร
ส่วนปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ยังต้องติดตามผลกระทบว่าจะขยายวงกว้างหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังจำกัดพื้นที่อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี กาญจนบุรี และบางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หากน้ำท่วมไม่ขยายพื้นที่มาภาคกลาง และไม่รุนแรงเท่ากับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 คาดว่าไม่น่ากระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีภูมิคุ้มกันดีมากต่อความผันผวนของตลาดการการโลก ทั้งจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล แรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำร้อยละ 1.2 ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)สามารถคงดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ในปีนี้ และจะปรับขึ้นดอกเบี้ยปี 2562 และทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง
ส่วนประเด็นที่ยังคงต้องจับตามอง คือ ผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความเปราะบางของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่รวมถึงประเทศจีน รวมทั้งแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีแนวโน้มถูกปรับลดลงจะมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่าหุ้นไทยจะยังมีความผันผวน โดยให้เป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ 1,670-1,820 จุด