พลัส เปิดกลยุทธ์รุกธุรกิจ Sole Agent มุงลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ บริษัทมหาชน กลุ่มทุนต่างชาติ พร้อมขยายตลาดสูงสู่โครงการระดับกลาง-บนมากขึ้นตามทิศทางตลาดปี 61 ตั้งเป้ารับบริหาร 16 โครงการมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท
นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2560 ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจ Sole Agent ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดระดับบนที่ไม่ได้ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งที่ผ่านมา พลัสฯ ได้วางกลยุทธ์โดยเข้ามีไปส่วนร่วมในการวางกลยุทธ์ขยายตลาดไปสู่โครงการระดับบนมากขึ้น ตามทิศทางการลงทุน ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดที่ผู้ประกอบการหันมาลงทุนพัฒนาโครงการระดับบนมากขึ้นหรือกลุ่ม B ราคา 1.3-1.6 แสนบาทต่อ ตร.ม. ราคา หรือราคายูนิตละ 5-8 ล้านบาท และ B+ ระดับราคา 1.6-2 แสนบาทต่อ ตร.ม. ราคายูนิตละ 8 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมที่เน้นตลาดต่ำกว่า 5 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานของ พลัสฯ หลังจากนี้จะมุ่งเน้นผู้ประกอบการ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 40% กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 30% ซึ่งพลัสฯ โดยวางแผนระยะ 3 ปีนับตั้งแต่ปี 2560 ในการเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมกับลูกค้า เข้าไปมีส่วนร่วมมากกว่างานขาย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่ให้พลัสฯ เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นในการวางแผนพัฒนาโครงการ การเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สอดคล้องกับทำเลโครงการ การสร้างแบรนด์ รวมถึงงานพัฒนาสินค้า การออกแบบ การนำฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้
นอกจากนี้ พลัสฯ ยังมีจุดแข็งด้าน Big Data โดยนำฐานข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่จำนวนมากมาช่วยวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจ และงานขายให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างมากในหลายโครงการ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม ดุสิตดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน ของกลุ่มบริษัทเอ็นริช, โครงการคอนโดมิเนียมโมนีค สุขุมวิท 6 บริษัท ซันเคียวโฮม และเคฮัง เรียลเอสเตท กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น, โครงการซีเอกมัย และล่าสุด โครงการคอนเนอร์ ราชเทวี ของเดอะครีเอเตอร์ส เอชคิว ซึ่งปีนี้กลุ่มลูกค้าเก่าที่เปิดขายโครงการใหม่ยังให้พลัสฯ เป็นผู้บริหารงานขายและวางกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
บริษัทตั้งเป้ารับบริหารโครงการในปี 2561 จำนวน 16 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่ผ่านมา ที่รับบริหาร 13 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถรับบริหารงานโครงการได้อีก 3 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา