“ฮาบิแทท” เผยกลุ่มนักลงทุนซื้ออสังหาฯ ต่างชาติ ขยายตัว 10-20% ดันแชร์ลูกค้าต่างชาติซื้อห้องชุดลงทุนในพื้นที่ใจกลางเมือง กทม. ขยับ 50% จีน-ไต้หวัน นำโด่ง “ฮาบิแทท” สบช่องเดินหน้าเปิด 3 โครงการใหม่ เจาะตลาดกรุงเทพฯ และพัทยา มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท รับเทรนด์อสังหาฯ เพื่อการลงทุนมาแรง พบสถิตินักลงทุนเติบโตกว่า 10-20% ต่อปี ขณะที่ต่างชาติมีแนวโน้มซื้ออสังหาฯ ไทยปล่อยเช่าเพิ่มขึ้น แจงครึ่งปีแรกกวาดยอดขาย 1,900 ล้านบาท คิดเป็น 63% ของเป้ายอดขายทั้งปี 3,000 ล้านบาท แบ็กล็อกขยับแตะ 5,000 ล้านบาท
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน มีการเติบโตอย่างชัดเจน จากนักลงทุนไทย และต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตุได้จากโควต้าการขายในส่วนต่างชาติสามารถขายได้ค่อนข้างเร็ว และมั่นใจว่าตลาดอสังหาฯ เพื่อการลงทุนมีแนวโน้มการเติบโตดีต่อเนื่อง
“เศรษฐกิจในประเทศไทยอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ดอกเบี้ยมีอัตราต่ำไม่ถึง 1% ขณะที่ภาคอสังหาฯ มีทิศทางที่เป็นบวก ส่งผลให้คนหันมาลงทุนในอสังหาฯ เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า และผลตอบแทนสม่ำเสมอ ทั้งนี้พบว่าจากสถิตินักลงทุนเติบโตขึ้น 10-20% ทุกปี ขณะเดียวกัน นักลงทุนชาวไทยมีการเติบโตถึง 60% และในส่วนของนักลงทุนชาวต่างชาติ มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีนักลงทุนชาวสิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน ที่มีสัดส่วนมากสุดถึง 40%”
ทั้งนี้ การเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติทำให้อสังหาฯ เพื่อการลงทุนมีความคึกคักมากขึ้น และนักลงทุนคนไทยก็หันมาลงทุนในตลาดอสังหาฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งในกรุงเทพฯ ทำเลใจกลางหรือ CBD ยังเติบโตไปได้เรื่อยๆ เนื่องจากซัปพลายยังมีค่อนข้างจำกัด เทรนด์การลงทุนส่วนมากอยู่ในเมืองจะซื้อ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรือซื้อเพื่อปล่อยเช่า ก็จะมีผู้เช่าต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยทั้งคนยุโรป และญี่ปุ่น
นายชนินทร์ กล่าวว่า แนวโน้มดังกล่าวทำให้ในครึ่งหลังปี 61 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 จะเปิดตัว 2 โครงการ ภายใต้ชื่อ ‘วาลเด้น’ คอนโดโลว์ไรส์ลักชัวรี่ เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน โดยโครงการแรก คือ ‘วาลเด้น’ สุขุมวิท 39’ สูง 8 ชั้น จำนวน 116 ยูนิต บนเนื้อที่ 0-3-22 ไร่ มูลค่า 950 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5.6 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการ คือ ‘วาลเด้น สุขุมวิท 31’ ตั้งอยู่ในอยู่ซอยสุขุมวิท 31 บนเนื้อที่ 0-2-65.25 ไร่ มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ลักชัวรี สูง 8 ชั้น จำนวน 104 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.6 ล้านบาท
ส่วนโครงการสุดท้าย จะเป็นการขยายโครงการลงทุนเพิ่มเติมในพัทยาเหนือ มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 โดยยังคงยึดโมเดลการลงทุนแบบการรันตีค่าเช่า โดยมีเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียงจากสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับระดับโลกเข้ามาเป็นผู้บริหาร และจัดการการเช่า
“ในครึ่งปีแรก บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 1,900 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของเป้าหมายยอดขายรวมที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ ณ ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกยอดขายรอรับรู้รายไก้ในมือแล้ว 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ในปีนี้ 400-500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่ายอดขายจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งจะทำให้มียอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ และส่งผลให้บริษัทมีสต๊อกรอรับรู้รายได้เพิ่มเป็น 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะไปทยอยรับรู้ในปี 2 ปีข้างหน้า”