แสนสิริ แจง 6 เดือนแรกยอดพรีเซลกระฉูด 24,000 ล้านบาท คิดเป็น 53% ของเป้ายอดขายทั้งปี หลังลูกค้าตอบรับดีทุกตลาด แย้มไตรมาส 3 เล็งปรับเพิ่มเป้ายอดขายหากตัวเลขพรีเซลแตะ 70-80% ของเป้าทั้งปี 45,000 ล้านบาท พร้อมประกาศเพิ่มงบชอปที่ดินอีก 4,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนทาวน์โฮม ล่าสุดทุ่ม 200 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตโรงงานพรีแคชจาก 500,000 ตร.ม. เป็น 888,000 ตร.ม. ต่อปี รองรับตลาดทาวน์โฮมขยายตัว เผยแผนครึ่งปีหลังเปิดตัว 15 โครงการใหม่ เป็นคอนโด 6 โครงการ บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และทาวน์โฮม 4 โครงการ มูลค่ากว่า 36,3000 ล้านบาท ดันยอดเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปีมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 34 ปี ด้วยมูลค่ากว่า 64,200 ล้านบาท พร้อมส่งแบรนด์คอนโดน้องใหม่ “เอ็กซ์ที คอนโด” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25-30 ปี
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายการเงิน และสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่ววว่า จากยอดพรีเซลในช่วง 6 เดือนแรกของปี ซึ่งทำไปได้แล้ว 24,000 ล้านบาท คิดเป็น 53% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่วางไว้ 45,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีแผนจะปรับเพิ่มเป้ายอดขายของปีนี้อีกครั้ง โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้หากมียอดพรีเซลขยับไปอยู่ที่ 70-80% ของเป้ายอดขายรวมทั้งปี บริษัทจะมีการพิจารณาเพิ่มเป้ายอดขายอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน จากการตอบรับที่ดีของตลาดในปีนี้ ทำให้แสนสิริ ได้อนุมัติงบประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรในโรงงานพรีแคช เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจาก 500,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) เป็น 800,000 ตร.ม. ต่อปี
นอกจากนี้ การปิดการขายโครงการทาวน์โฮมในแบรนด์ “สิริเพลส” และคอนโดมิเนียมที่รวดเร็วในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทำให้แสนสิริ ได้อนุมัติเพิ่มงบซื้อที่ดินสะสมรอการพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท ทำให้ตลอดทั้งปีนี้ แสนสิริจะใช้งบซื้อที่ดินทั้งสิ้น 18,000 ล้านบาท โดยงบที่เพิ่มขึ้นมาจะใช้ในการซื้อที่ดินในทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการทาวน์โฮมในแบรนด์สิริเพลส ซึ่งสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว จนส่งผลให้กลุ่มทาวนโฮม ของแสนสิริ ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 2,300 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ทั้งปี 3,200 ล้านบาท หรือมีแชร์ยอดขายรวมที่ 21%
นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการเงิน และพัฒนาธุรกิจใหม่ แสนสิริ กล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีที่แสนสิริ มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่ารวมกว่า 64,200 ล้านบาทสูงที่สุดในรอบ 43 ปี โดยในช่วงครึ่งปีแรก ได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 15 โครงการ มูลค่ารวม 27,900 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ และโครงการแนวราบ 9โครงการ ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มอีก 15 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 36,300 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด 6 โครงการ บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และทาวส์โฮม 5 โครงการ
ทั้งนี้ ในส่วนของคอนโดทั้ง 6 โครงการที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังนี้จะมี 3 โครงการที่เป็นคอนโดในแบรนด์ “ XT Condo” ซึ่งเป็นคอนโดแบรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดระดับกลาง จับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ คนทำงานในเมือง โดยกลุ่มเป้าหมายของคอนโดแบรนด์ดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่มีช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี ซึ่งทั้ง 3 โครงการที่จะเปิดภายใต้แบรนด์เอ็กซ์ที คอนโด จะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 21,000 ล้านบาท และในจำนวนนี้จะมี 1 โครงการเป็นโครงการ่วมทุนกับ “โตคิว” จากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ 3 โครงการที่เหลือจะเป็นคอนโดแบรนด์เดอะเบส ซึ่งมี 2 โครงการที่เป็นโครงการ่วมทุนกับ “บีทีเอส”
สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศในปีนี้ แสนสิริยังเน้นขยายฐานตลาดไปในประเทศใหม่ๆ ให้มากขึ้นโดยเฉพาะตลาดไต้หวัน และญี่ปุ่น จากเดิมที่มีการเปิดสำนักงานขายในจีน 4 สาขา ฮ่องกง 1 สาขา และสิงคโปร์ 1 สาขา ซึ่งจาการได้พันธมิตรร่วมทุนใหม่ๆ เข้ามาอย่างโตคิว จะทำให้สามารถขยายตลาดในญี่นได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ในปี 61 แสนสิริตั้งเป้าว่าจะมียอดพรีเซลจากลุ่มลูค้าต่างประเทศรวม 13,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดขายที่มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างมาก โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายจากตลาดต่างประเทศได้แล้ว 6,000 ล้านบาท ส่วนในครึ่งหลังของปีนี้จะต้องทำเพิ่มอีก 7,000 ล้านบาท โดยแสนสิริ มั่นใจว่าจสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้า เนื่องจากการตอบรับของตลาดต่างประเทศยังดีต่อเนื่องประกอบกับในครึ่งหลังของปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มอีกถึง 6 โครงการ
“ปัจจุบัน แสนสิริมีแบ็กล็อกห้องชุด และบ้านแนวราบ ที่รอรับรู้ในมือมูลค่ารวมกว่า 57,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้บางส่วน ซึ่งจะทำให้แบ็กล็อกในมือลดลงไป แต่อย่างไรก็ตาม หากในปีนี้ แสนสิริสามารถทำยอดขายได้ตามเป้า 45,000 ล้านบาทที่วางไว้ ก็จะทำให้สิ้นปีจะมีแบ็กล็อกใหม่เข้ามาเสริม”
