บล. เออีซี (AECS) ตลาดหุ้นไทยเจอมรสุมปัจจัยลบจากนโยบายของ “ทรัมป์” สงครามการค้าส่อวุ่นวายมากขึ้น ราคาน้ำมันมีทิศทางลดลงหลังหลังทรัมป์ ทวิตฯ ข้อความว่า ซาอุฯ พร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกได้ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ชดเชย Supply ที่หายไป พร้อมให้กรอบดัชนี 1,585-1,630 จุด แนะลงทุนหุ้นประกาศงบไตรมาส 2/61 เด่น
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (3-6 ก.ค.) ให้กรอบดัชนี 1,585-1,630 จุด แม้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดัชนีจะปรับตัวลงไปกว่า 7.61% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า จน PER ตลาดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ SET10 ปีย้อนหลังที่ 15.9 เท่า ถือเป็นการพักฐานก่อนที่จะมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามา
สำหรับปัจจัยกดดันตลาดหุ้นยังคงเป็นปัจจัยจากต่างประเทศ อาทิ ภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าหลายประเทศที่รุนแรงขึ้น โดยล่าสุด แคนาดาประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตรา 10% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เพื่อต่อต้านมาตรการ Safe guard เหล็ก และอลูมิเนียม อีกทั้งวันที่ 6 ก.ค. นี้ สหรัฐฯ-จีน จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าระยะแรกในสินค้ามูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดจะสร้าง Sentiment เชิงลบ และมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการปกป้องทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น ตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มระดับการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีกราว 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากจีนยังไม่ยอมยกเลิกการตอบโต้ด้านภาษี
อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่อาจปรับลง หลังหลังทรัมป์ ทวิตฯ ข้อความที่ระบุว่า ซาอุฯ พร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกได้ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชย Supply ที่หายไปของอิหร่าน และเวเนซุเอลา ซึ่งสูงกว่าที่ OPEC มีมติเพิ่มกำลังการผลิตในวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา และอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางร้อนแรงขึ้น จากทั้งในส่วนของดัชนี Core PCE ขยับขึ้นเป็น 2% และดัชนีฝ่ายจัดซื้อที่เพิ่มขึ้นแตะ 64.1 จาก 60 จุดในเดือนก่อน ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ให้เร่งตัวขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “ทยอยซื้อ เน้นรับและไม่ไล่ราคา” ในกลุ่มหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ดังนี้ หุ้นธนาคารพาณิชย์ที่คาดกำไรโต หรือราคาหุ้นยัง Laggard โดยมี PBV ต่ำ 1 เท่า ชู KBANK-BBL และ หุ้น Domestic Play ที่คาดช่วงไตรมาส 2/2561 กำไรยังมีแนวโน้มโตดีเมื่อเทียบจากปีก่อน ชู CPALL-BEAUTY-BJC-BDMS-JKN-LH
ส่วนในทางเทคนิคแนะนำ “ถือเงินสด” หรือเลือก Trading Short ในตราสารอนุพันธ์ ส่วนนักลงทุนระยะกลางยังคงคำแนะนำเดิม “ถือเงินสด” ทั้งนี้ กลุ่มที่คาด Outperform สัปดาห์นี้ เลือกกลุ่มพาณิชย์ โดยมี Top Pick ได้แก่ ROBINS คาดหวังรีบาวนด์แนวต้าน 60.00 บาท และหุ้น MAKRO คาดหวังรีบาวนด์แนวต้าน 41.75 บาท ทั้งนี้ Stop Loss หากหลุด 38.25 บาท