บี.กริม เพาเวอร์เผยหุ้นกู้ 6,700 ล้านบาท ขายเกลี้ยง เพื่อนำเงินไปใช้รีไฟแนนซ์ เพื่อลดต้นทุนทางการเงินได้ประมาณ 1.2%-1.6% หรือเทียบเท่า 350 ล้านบาท หนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เผยความสำเร็จการออกหุ้นกู้ ของบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ บริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด และ บริษัท บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 จำกัด รวมมูลค่า 6,700 ล้านบาท โดยมีตัวแทนจาก 2 บริษัทผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
นางปรียนาถ เปิดเผยว่า หลังจาก BGRIM ได้มีมติให้ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 และ บจก. บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ BGRIM เสนอขายหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้น และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าบริษัทละ 3,350 ล้านบาท รวมกันไม่เกิน 6,700 ล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่
โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด มีอายุ 15 ปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ตลอดอายุของหุ้นกู้ โดยมีอัตราจ่ายดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.95 ต่อปี ไปเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา และได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนฯ ด้วยชื่อเสียง และประสบการณ์ ตลอดจนผลประกอบการที่มั่นคง และเติบโตของ BGRIM ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
สำหรับการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการนำเงินที่ได้ไปรีไฟแนนซ์ เพื่อลดต้นทุนทางการเงินได้ประมาณ 1.2%-1.6% หรือเทียบเท่า 350 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนต่อไปในอนาคต โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ตั้งอยู่ ณ สวนอุตสาหกรรม บางกะดี จังหวัดปทุมธานี เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม และแต่ละโรงมีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 115 เมกะวัตต์ หรือรวมกันประมาณ 230 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำของแต่ละโรง 20.0 ตันต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ กำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้แต่ละโรงนี้ จะทำการจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 90 เมกะวัตต์ต่อหนึ่งสัญญาต่อหนึ่งบริษัทฯ ซึ่งมีการจัดทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ.และบริษัทฯ เป็นระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายให้กับ กฟผ. จะถูกนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในเขตสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าอุตสาหกรรมนกว่า 7 ราย รวมกัน 8 สัญญาซื้อขายไฟ อยู่ในภาคอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีโรงไฟฟ้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีความมั่นคง และประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมอีกด้วย