ยูเอซี โกลบอล ปลื้มนักลงทุนสนใจจองหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 400 ล้านบาท อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 63 อัตราดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี ให้กับนักลงทุนสถาบัน และ/หรือนักลงทุนรายใหญ่หมดเกลี้ยง ด้านผู้บริหาร “ชัชพล ประสพโชค” ระบุเงินที่ได้นำไปขยายธุรกิจของบริษัท และพัฒนาโครงการของบริษัท รวมทั้งการชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน พร้อมแย้มแผนย้ายจาก mai เข้า SET คาดจะแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 3/2561
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 400 ล้านบาท อายุ 2 ปี ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับ 1 และเปิดให้จองซื้อในวันที่ 7, 8, 11 มิถุนายนที่ผ่านมา
“การเปิดให้นักลงทุนสถาบัน และ/หรือนักลงทุนรายใหญ่ จองซื้อหุ้นกู้มูลค่า 400 ล้านบาท มีอายุ 2 ปี ในวันที่ 7, 8, 11 มิ.ย. ผ่าน บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยหุ้นกู้ดังกล่าวจะครบกำหนดไถ่ถอนปี 2563 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.50 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้” นายชัชพล กล่าว
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน และรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และพัฒนาโครงการของบริษัท รวมทั้งการชำระคืนเงินกู้ยืมของบริษัทฯ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC กล่าวเพิ่มว่า สำหรับกระบวนการย้ายหลักทรัพย์จาก mai ของ UAC เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการด้านเอกสาร เพื่อยื่นให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของกฎเกณฑ์แล้ว ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 333.80 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท เชื่อว่าบริษัทฯ ผ่านคุณสมบัติ และคาดว่าจะสามารถย้ายเข้า SET ได้ภายในไตรมาส 3/2561 อย่างแน่นอน
ส่วนเหตุผลการย้ายเข้า SET นั้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ต้องการให้ธุรกิจมีการเติบโตแบบยั่งยืน และเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันชั้นนำต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่สนใจเข้ามาเป็นพันธมิตร หรือผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพทางธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตในปี 2020 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นมาแตะที่ระดับ 3,000 ล้านบาท และมี EBITDA ที่ระดับ 450-500 ล้านบาท จากปัจจุบันคาดมียอดขายแตะ 2,500 ล้านบาท จากการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง ธุรกิจไบโอดีเซล และธุรกิจพลังงาน ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในเร็วๆ นี้